วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

News Cards Posting for 28/06

Edtech 15 Please post your News Cards Home works by clicking on "comments"

8 ความคิดเห็น:

yosongkhla กล่าวว่า...

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--เดอะแวลลูซิสเตมส์
เดอะแวลลูซิสเตมส์ แนะนำ Fujitsu ScanSnap S300 เครื่องสแกนเนอร์ประสิทธิภาพสูง สแกนได้รวดเร็วและคมชัดสูง มาพร้อมด้วยคุณสมบัติ ADF ที่ให้การสแกนเอกสารกลายเป็นเรื่องง่าย ตัวเครื่องมีขนาดเล็กน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเคลื่อนย้ายสะดวก
เครื่อง ScanSnap 300 สามารถสแกนงานเอกสารหน้า-หลังได้พร้อมกัน สแกนเอกสารได้หลายแบบและหลายขนาด ทั้งกระดาษ, นามบัตร, โปสการ์ด เป็นต้น พร้อมทั้งมีฟังก์ชันพิเศษที่ช่วยในการตรวจจับขนาดของเอกสาร สามารถสแกนนามบัตร และเอกสารที่มีความหนามากกว่าปกติได้ ด้วยการปรับขนาดเอกสารให้พอดีแบบอัตโนมัติ ทำให้การสแกนเอกสารหลาย ๆ ขนาดเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย ช่วยให้ทำงานได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Fujitsu ScanSnap S300 ใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่มก็สามารถสแกนได้ทันที เร็วทันใจด้วยอุปกรณ์ป้อนต้นฉบับเข้าเครื่องอัตโนมัติ Automatic Document Feeder (ADF) หรือชุดป้อนกระดาษอัตโนมัติ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นการป้อนกระดาษอัตโนมัติ ช่วยให้ลดงานที่ซ้ำซากให้หมดไป สามารถสแกนเอกสารจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
ความสามารถในการสแกนของ ScanSnap S300 ความเร็วในการสแกนเอกสารสี แบบหน้าเดียว (Simplex) ที่ความเร็ว 8 แผ่นต่อนาที และแบบสองหน้า (Duplex) ที่ความเร็ว 16 หน้าต่อนาที และยังสามารถสแกนเอกสารที่มีความหนารวมถึงโปสการ์ดไปจนถึงเอกสารในขนาด A4 ได้ ให้ความละเอียดในการสแกนสูงสุดที่ 600 จุดต่อตารางนิ้ว
นอกจากนั้น Fujitsu ScanSnap S300 ยังสามารถรองรับการทำงานจาก USB ได้ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานจากไฟฟ้า AC ได้ เพียงแค่เสียบสายเชื่อมต่อเข้ากับ USB connector ของเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถใช้เครื่องสแกนเนอร์ได้ในทันที นอกจากนี้มีโปรแกรมจัดการเอกสาร ScanSnap Organizer และโปรแกรมจัดการนามบัตร Card Minder ให้มาพร้อมเครื่องสแกนเนอร์ด้วย
จุดเด่นผลิตภัณฑ์
? สแกนเนอร์แบบ สี ขนาด A4
? มี Image Censor แบบ CIS x 2
? สแกนเนอร์แบบ Flatbed และ ADF สามารถจุกระดาษได้ 10 แผ่น
? มีความละเอียดในการสแกนสูงสุดที่ 600 จุดต่อตารางนิ้ว
? ความเร็วในการสแกนเอกสารสี แบบหน้าเดียว (Simplex) ที่ความเร็ว 8 แผ่นต่อนาที และแบบสองหน้า (Duplex) ที่ความเร็ว 16 หน้าต่อนาที
? มีโปรแกรมจัดการเอกสาร ScanSnap Organizer และโปรแกรมจัดการนามบัตร Card Minder ให้มาพร้อมเครื่องสแกนเนอร์
คุณสมบัติทั่วไป
? Product Name : ScanSnap S300
? Scanner Type : ADF (Automatic Document Feeder), Duplex Scanning
? Scanning Modes : Color, Monochrome, Automatic (color / monochrome detection)
? Image Sensor : CIS (Contact Image Sensor)x 2
? Light Source: 3 color LED (Red /Green /Blue)
? Scanning Speed *1 (A4 portrait / AC adapter)
- Normal Mode Color 150dpi, Monochrome 300dpi Simplex, Duplex 8ppm
- Better Mode Color 200dpi, Monochrome 400dpi Simplex, Duplex 6ppm
- Best Mode Color 300dpi, Monochrome 600dpi Simplex, Duplex 4ppm
- Excellent Mode Color 600dpi, Monochrome 1,200dpi Simplex, Duplex 0.5ppm
? Scanning Speed *1 (A4 portrait / USB bus powered)
- Normal Mode Color 150dpi, Monochrome 300dpi Simplex, Duplex 4ppm
- Better Mode Color 200dpi, Monochrome 400dpi Simplex, Duplex 3ppm
- Best Mode Color 300dpi, Monochrome 600dpi Simplex, Duplex 2ppm
- Excellent Mode Color 600dpi, Monochrome 1,200dpi Simplex, Duplex 0.5ppm
? Scanning Range : A4, A5, A6, B5, B6, Business card, Post card, Letter, Legal and Custom sizes (Max: 216 x 360mm (8.5 x 14.17in.), Min: 50.8 x 50.8mm (2 x 2in.), Automatically recognizes document types
? Paper Weight (Thickness) : 64 to 104.7g/m2 or 17 to 28lb
? Paper chute Capacity : Maximum 10 sheets (A4, 80g/m2 or 20lb)
? Interface : USB2.0 (USB1.1 Compatible)
? Power Requirement AC Adapter: AC 100V to 240V, 50 / 60 Hz, USB bus power: 5V / 1A (0.5A x 2port)
? Dimensions(W x D x H) *2 284mm x 95mm x 77mm (11.18in. x 3.74in. x 3.03in.)
? Device Weight 1.4kg
ผู้สนใจในผลิตภัณฑ์สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายขาย บริษัทเดอะแวลลูซิสเตมส์ จำกัด โทร. 0-2308-2900 หรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.value.co.th

araya15 กล่าวว่า...

บิลล์ เกตส์ เลิกกุมบังเหียนบริหารไมโครซอฟท์

ซานฟรานซิสโก27มิ.ย.-นายบิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐีใจบุญจะอยู่บริหารบริษัทไมโครซอฟท์ในวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนจะรามือผันตัวเองไปทำงานด้านการกุศลอย่างเต็มตัว แต่ถึงกระนั้นเขาจะยังรั้งตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของไมโครซอฟท์ต่อไป

นายบิลล์ เกตส์ วัย 52 ปี ได้ส่งมอบอำนาจหน้าที่ในการบริหารให้แก่พนักงาน 3 คน โดยนายเรย์ ออซซี่ จะมาเป็นผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ซอฟต์แวร์ นายเครก มุนได จะเป็นผู้บริหารฝ่ายวิจัยและวางกลยุทธ์บุคคล ส่วนนายสตีฟ บอลล์เมอร์ อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนของนายเกตส์ จะเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอของไมโครซอฟท์

นายเกตส์ ตัดสินใจเดินทางออกจากสำนักงานของไมโครซอฟท์ ในช่วงที่ไมโครซอฟท์กำลังรับศึกหนักจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังต้องรับมือกับคู่แข่งรายใหม่ คือ กูเกิล รวมถึงคู่ปรับเก่าอย่าง แอปเปิล

โดยเฉพาะกูเกิ้ลที่เสนอทางเลือกใหม่ด้วยการเปิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์หลากรูปแบบให้ใช้งานโดยไม่คิดสตางค์ สวนทางกับไมโครซอฟท์ ที่ต้องให้ผู้บริโภคเสียเงินซื้อโปรแกรมมาก่อนจึงจะใช้งานได้ จึงทำให้โปรแกรมของกูเกิ้ลได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการวินโดว์ วิสต้า ของไมโครซอฟท์ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่แล้ว ก็ยังไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้า เพราะหลายคนยังเคยชินกับการใช้วินโดว์ เอ็กซ์พี ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นก่อน. - สำนักข่าวไทย

Credit: http://news.mcot.net
รายงานข่าวโดย : นางสาวอารยา เลาหะพันธ์
รหัส 51063709 Edtech 15

pavarisa กล่าวว่า...

"RoadRunner" จากไอบีเอ็มผงาดซูเปอร์คอมพ์เร็วสุดในโลก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2551 11:11 น.


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

RoadRunner ซูเปอร์คอมพ์จากไอบีเอ็มทำสถิติเป็นคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพเยี่ยมที่สุดในโลกแล้ว

ตำแหน่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงที่สุดในโลกเปลี่ยนมือไปเป็นของ RoadRunner แล้วด้วยสถิติ 1.026 petaflop ผลงานจากการฝังชิป Cell จำนวน 12,240 ชิ้นด้วยฝีมือไอบีเอ็ม

ชิป Cell นั้นเป็นหน่วยประมวลผลที่สามยักษ์ใหญ่โลกเทคโนโลยีอย่างไอบีเอ็ม โซนี่ และโตชิบาร่วมกันพัฒนาขึ้น แม้ขณะนี้โซนี่จะถอนตัวจากการร่วมมือพัฒนาชิป Cell แล้ว แต่ Cell ยังปรากฏตัวในเครื่องเกม PlayStation 3, ทีวีคุณภาพสูงและคอมพิวเตอร์พีซีของโตชิบา และล่าสุดคือซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็ม

ความเร็ว 1 petaflop นั้นเทียบเท่ากับความสามารถในการประมวลผลคำสั่ง 1 พันล้านล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที สถิติ 1.026 petaflop ของ RoadRunner จึงเหนือกว่าแชมป์เก่าซูเปอร์คอมพ์ก่อนหน้านี้ถึงสองเท่าตัว โดยรายการ 500 อันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงสุดของโลกฉบับใหม่ถูกเผยแพร่ในงานประชุมซูเปอร์คอมพิวติ้งนานาชาติหรือ International Supercomputing Conference แล้วที่เมือง Dresden ประเทศเยอรมนีเมื่อวันพุธที่ 18 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น

RoadRunner ประกอบด้วยชิป Cell 12,240 ตัวและชิปดูอัลคอร์ AMD Opteron อีก 6,562 ตัว ทั้งหมดรวมอยู่ในเบลดเซิร์ฟเวอร์ IBM QS22 สำหรับชิป Cell นั้นประกอบด้วยหน่วยประมวลผลพื้นฐาน Power PC หนึ่งตัวและหน่วยประมวลผลร่วมอีก 8 ส่วน คุณสมบัติสำคัญคือความสามารถในการคำนวณงานที่ซับซ้อนโดยเฉพาะการประมวลผลภาพกราฟิกคุณภาพสูง

ปัจจุบัน RoadRunner ปฏิบัติงานให้กับสำนักงานรักษาความปลอดภัยนิวเคลียร์แห่งชาติสหรัฐฯในความดูแลของกระทรวงพลังงาน สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ Los Alamos National Laboratory ค่าใช้จ่ายในการสั่งทำอยู่ที่ราว 100 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,300 ล้านบาท)

ความเร็วของ RoadRunner นั้นเขี่ย BlueGene/L ซูเปอร์คอมพ์ความเร็ว 478.2 teraflop เพื่อนร่วมค่ายไอบีเอ็มให้ตกไปอยู่อันดับ 2 โดย BlueGene/L นั้นปฏิบัติงานใน Lawrence Livermore National Laboratory ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2004

ซูเปอร์คอมพ์ความเร็วอันดับสามเป็นของ Blue Gene/P ของไอบีเอ็มเช่นกัน อันดับสี่คือ SunBlade x6420 Ranger ของซันไมโครซิสเต็มส๋ ถูกใช้ในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเท็กซัส University of Texas เมืองออสติน อันดับห้าคือ Cray XT4 Jaguar ใน Oak Ridge National Laboratory

หากไม่นับรวมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันดับหนึ่งจะเป็นของ Blue Gene/P ซึ่งใช้งานในประเทศเยอรมนีเจ้าของความเร็ว 180 teraflop สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์เบอร์หนึ่งในโลกธุรกิจคือ SGI Altix เจ้าของคือบริษัทค้าน้ำมันสัญชาติฝรั่งเศสนาม Total ความเร็ว 106 teraflop

สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือ 10 อันดับแรกในการรายการสุดยอดซูเปอร์คอมพ์โลกนั้นส่วนใหญ่เป็นของไอบีเอ็ม โดยในจำนวน 500 อันดับ ไอบีเอ็มสามารถกวาดไปได้ 210 อันดับ ขณะที่คู่แข่งอย่าง Hewlett-Packard สามารถทำได้ 183 อันดับ

ขณะเดียวกัน ผลการจัดลำดับซูเปอร์คอมคือชิปของอินเทลนั้นถูกติดตั้งใน 75 เปอร์เซ็นต์ของซูเปอร์คอมพ์ที่มีการสำรวจ เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 71 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าชิปที่ได้รับความนิยมมากคือชิป 4 คอร์ประมวลผล

แหล่งข่าว www.manager.co.th
โดย : ปวริศา ธีระนังสุ
รหัส 51063705 Edtech 15

chanokporn กล่าวว่า...

กูเกิลเปิดเกมจุดพลุ"iGoogle" คั่นเวลาไร้แม่ทัพดูตลาดไทย
แม้จะมีส่วนแบ่งตลาดสืบค้นข้อมูลมากกว่า 95% ในประเทศไทย แต่ผู้บริหารกูเกิลระบุว่ายังไม่สามารถหาตัวผู้บริหารเข้ามาดูแลตลาดไทยแบบเฉพาะเจาะจงได้ในขณะนี้ ล่าสุดกูเกิลจับมือ 8 ศิลปินไทยทำตลาด iGoogle ในประเทศไทย บนจุดประสงค์เดียวคือการเพิ่มคุณค่าประสบการณ์การสืบค้นให้แฟนกูเกิลสามารถใช้งานกูเกิลได้ตามใจชอบ ย้ำไม่มีกลยุทธ์โฆษณาออนไลน์ใดๆแอบแฝง

iGoogle นั้นเป็นโฮมเพจแบบปรับแต่งได้ด้วยตนเองของกูเกิล ผู้ใช้ iGoogle จะสามารถเลือกและจัดเรียงเนื้อหาที่ต้องการให้ปรากฏบนโฮมเพจของกูเกิล เพื่อปรับแต่งหน้าเว็บกูเกิลได้แบบส่วนตัว สิ่งที่กูเกิลทำตลาดในประเทศไทยวันนี้ คือการดึงเอา 8 ศิลปิน ดีไซเนอร์ นักแสดง และบุคคลผู้มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาร่วมออกแบบธีม (Theme) สำหรับใช้งานบน iGoogle ในชื่อโครงการ iGoogle Artist Campaign ซึ่งเป็นแคมเปญที่กูเกิลเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มการใช้งาน iGoogle ในประเทศไทยได้

"ยอมรับว่า ขณะนี้ผู้ใช้งาน iGoogle ในประเทศไทยยังไม่ขยายตัว แม้จำนวนผู้ใช้ Gmail จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญนี้เราทำทั่วโลก ซึ่งในหลายประเทศได้รับผลตอบรับที่ดี" นายเดเร็ก แคลโลว ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว "สิ่งที่กูเกิลทำคือการทำให้ผู้ใช้รู้ว่าสามารถเลือกเนื้อหาที่ตัวเองต้องการได้อย่างอิสระ เราหวังให้กูเกิลเป็นเว็บที่เหมาะสมกับคนไทยที่สุด และต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับส่วนแบ่ง 95 เปอร์เซ็นต์ที่มีอยู่ในประเทศไทย"

โครงการ iGoogle Artist Campaign จะเปิดตัวใน 17 ประเทศ 70 ศิลปิน ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่กูเกิลเปิดตัวโครงการเพราะเห็นความหลากหลายของศิลปินเมืองไทย ยืนยันว่าไม่มีกลยุทธ์โฆษณาออนไลน์ใดๆแอบแฝงในโครงการนี้

"เรื่องธุรกิจไม่มีแผนในโครงการนี้ ผู้ใช้ iGoogle สามารถสร้างธีมได้เอง ซึ่งหากมีการนำตราสินค้ามาออกแบบเป็นธีมจริงก็จะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของผู้ใช้ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจโฆษณาออนไลน์ของกูเกิลใดๆ" แปลว่ากูเกิลจะไม่ยัดเยียดโฆษณาแก่ผู้ใช้แน่นอน "เป็นไปได้ที่พาร์ทเนอร์ในประเทศไทยอาจชื่นชอบแคมเปญนี้ แต่ยืนยันว่านั่นไม่ใช่เหตุผลหลักที่เราทำแคมเปญนี้ขึ้นมา"

8 ศิลปินไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้แก่ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล, อาจารย์จักรพันธุ์ โปษกฤต, หม่อมหลวงจิราธร จิรประวัติ, ชัย ราชวัตร, อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ปราบดา หยุ่น, ชีวิน โกสิยพงษ์ “บอยด์” และ ธนชัย อุชชิน “ป๊อด โมเดิร์นด๊อก” และศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร “โต๋” ทั้งหมดร่วมออกแบบให้กูเกิลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางส่วนออกแบบเพื่อใช้กับกูเกิลโดยเฉพาะ บางส่วนใช้ภาพถ่าย ขณะที่บางส่วนนำภาพผลงานที่ตัวเองชื่นชอบมาปรับแต่งใหม่

"แคมเปญต่อไปของกูเกิลเป็นอะไรยังบอกไม่ได้ แต่ชัดเจนว่ายังอยู่ในเรื่องของการสืบค้น"

นางสาวพรทิพย์ กองชุน ผู้จัดการพัฒนากลยุทธ์พันธมิตร กูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่าการหาพันธมิตรในประเทศไทยนั้นยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีพันธมิตรรายอื่นใดนอกเหนือจากสนุกดอทคอมและเอไอเอสที่เป็นพันธมิตรอยู่ในขณะนี้

สำหรับการแต่งตั้งทีมงานเพื่อดูแลตลาดไทยโดยเฉพาะ นางสาวพรทิพย์ระบุว่ายังไม่มีข้อมูลในจุดนี้แต่ได้ดำเนินการเปิดรับพนักงานตามขั้นตอนของกุเกิลแล้ว ตำแหน่งที่เปิดรับได้แก่ผู้รับผิดชอบเรื่องการทำโฆษณาออนไลน์ การทำตลาด และผู้จัดการผลิตภัณฑ์ประจำประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่มีรายชื่อบุคคลที่แน่นอน และการจัดการตลาดไทยทั้งหมดยังอยู่ในส่วนสำนักงานที่ประเทศสิงคโปร์

ข่าวจาก : ผู้จัดการออนไลน์
โดย : ชนกพร บุญศาสตร์

daranee กล่าวว่า...

ไอบีเอ็มเผยอาเซียนลงทุน CSR เร็วสุด
ไอบีเอ็มเผยผลสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกในปี 2008 กว่า 1,100 คน ภายใต้การศึกษาที่มีชื่อว่า Global CEO Study 2008: The Enterprise of the Future เพื่อศึกษาถึงความท้าทายที่ CEO ทั่วโลกกำลังเผชิญในปัจจุบัน พร้อมข้อแนะนำในการเผชิญความท้าทายดังกล่าวและเพื่อการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ชี้ซีอีโอในอาเซียนลงทุนด้าน CSR เร็วกว่าชาติอื่นๆ

นายสตีเว่น เดวิดสัน รองประธาน ฝ่ายให้คำปรึกษาทางด้านกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลง ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและจีน กลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษา บริษัท ไอบีเอ็ม กล่าวว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกประจำปี 2008 พบว่าซีอีโอมีการบูรณาการทั่วโลก กระจายอำนาจ และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ที่น่าสนใจคือ ซีอีโอในเอเชียแปซิฟิกกำลังเพิ่มการลงทุนในกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility - CSR) ในอัตราที่รวดเร็วกว่าซีอีโอในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

การสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกประจำปี 2008 ของไอบีเอ็ม นับเป็นงานวิจัยระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับซีอีโอ 1,130 คนจาก 40 ประเทศใน 32 อุตสาหกรรม รวมถึงซีอีโอ 400 คนจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ข้อมูลการวิเคราะห์ในส่วนของเอเชียแปซิฟิกระบุว่า ซีอีโอในภูมิภาคนี้ยืนยันว่า กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับการวางรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสจากสภาวะแวดล้อมใหม่ๆ ที่ประกอบด้วยลูกค้า ที่บริโภคข้อมูลข่าวสารผ่านหลากหลายช่องทาง และซีอีโอเหล่านี้ยังเพิ่มการลงทุนทางด้าน CSR ในอัตราที่รวดเร็ว โดยอัตราการลงทุนอยู่ที่ 42%เทียบกับอัตราเฉลี่ยทั่วโลก 25%

“ซีอีโอในเอเชียแปซิฟิกให้ความสำคัญของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างจริงใจ และกว่า 80%ของซีอีโอในภูมิภาคนี้เชื่อว่า ลูกค้ามีความคาดหวังที่สูงขึ้นเกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจขององค์กรเหล่านี้ เปรียบเทียบกับ 69%ของซีอีโอทั่วโลก ซีอีโอในภูมิภาคนี้มองว่ากิจกรรมเพื่อสังคมเป็นองค์ประกอบหลักของกลยุทธ์ทางธุรกิจในการสร้างความแตกต่างและกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ”

นอกจากนี้ ซีอีโอในเอเชียแปซิฟิก 84% มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างกว้างขวางในช่วง 2 ปีข้างหน้า

นายเดวิดสันกล่าวว่า แม้ซีอีโอในเอเชียแปซิฟิกมีความเชื่อมั่นมากกว่าซีอีโอในภูมิภาคอื่นๆ ในด้านความสามารถที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร แต่ก็ยังมีช่องว่างที่น่าเป็นห่วงอยู่ คือ ช่องว่างระหว่างปริมาณการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น กับความสามารถในการจัดการการเปลี่ยนแปลง
ข่าวจาก : ผู้จัดการออนไลน์
โดย : ดารณี โต๊ะสวัสดิสุข

RedAngel กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
RedAngel กล่าวว่า...

Brain size 'not key to intellect'

Size may not be everything when it comes to brain evolution, say experts.

Instead, UK research reveals that the rising complexity of connections between brain cells may have been the biggest driving force.

The Nature Neuroscience study found clear differences between brain junctions in mammals, insects and single cell creatures.

Changes around half a billion years ago, they said, are likely to have been more important than brain size.

Prehistoric ancestors, such as homo erectus, had significantly smaller brains than modern man.

Evidence suggests that human brain size must have conferred an evolutionary advantage sufficient to make up for the obvious disadvantages - particularly the risks during childbirth, and the increased amount of energy needed to keep a larger brain running.

However, the research from Cambridge's Sanger Institute, and the universities of Keele and Edinburgh, says that this may not be the whole story, and that some of the key evolutionary "breakthroughs" may have relied on something more than an increase in the number of cells.

It looked closely at the synapse, the junction between nervous system cells, in three different types of creature, single-celled yeast, the fruit fly, and the mouse, all of which represent three distinct stages in the evolution of life on Earth.

Of particular interest were 600 proteins found in the synapses of mammals.

To their surprise, only about half of these were found in the synapses of the fruit flies, and, in the yeast cells, which don't have a brain, approximately 25% were present.

They suggest that the big advances in evolution, from single-celled to multi-celled, and at the change between invertebrates and vertebrates, may well have been sparked by a rapid change in the complexity of the synapse.

'Explosion'

Professor Seth Grant, one of those leading the study, said: "Our simple view that 'more nerves' is sufficient to explain more brain power is simply not supported by our study.

"The number and complexity of proteins in the synapse first exploded when multicellular animals emerged, some billion years ago.

"A second wave occurred with the appearance of vertebrates, perhaps 500 million years ago."

He said the finding offered clues not only to these massive changes, but to the ongoing evolution of humans.

"We are one step closer to understanding the logic behind the complexity of human brains," he said.

Dr Richard Emes, a lecturer in bioinformatics at Keele University, and another of the researchers, said: "It is amazing how a process of Darwinian evolution by tinkering and improvement has generated, from a collection of sensory proteins in yeast, the complex synapse of mammals associated with learning and cognition."

Dr Hugo Spiers, a neuroscientist from University College London, said that while the size of the brain could not explain all the differences in the abilities of the organ, it still had a major role to play.

He said: "We know that size isn't everything - for example, whales and elephants have much larger brains than we do.

"This new research is right in saying that there is a lot more we can learn about how synapses work to improve our understanding of the brain's complexities.

"However, it's also true that, if you are dealing with intelligence, there are certain parts of the brain which are disproportionately bigger in humans, and which do appear to make a difference."

นักวิจัยเมืองผู้ดีชี้สมอง"เล็ก-ใหญ่"ไม่ใช่เกณฑ์วัดฉลาด

ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง งานวิจัยจากเมืองผู้ดีพบว่า แท้จริงแล้วความซับซ้อนของสารสื่อประสาทต่างหากที่เป็นปัจจัยให้มนุษย์ฉลาดล้ำ


ทีมวิจัยระบบประสาทวิทยาพบความแตกต่างระหว่างรอยต่อของสมองในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แมลง และสัตว์เซลล์เดียว และพบว่า 5 แสนปีที่ผ่านมา สมองวิวัฒนาการจนขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ

จากข้อมูลระบุว่า มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น โฮโม อีเร็กตัส มีสมองเล็กกว่ามนุษย์ยุคใหม่มาก ทำให้เชื่อกันว่าสมองวิวัฒนาการเพื่อแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ เช่น ความเสี่ยงแท้งระหว่างคลอด เมื่อสมองขนาดใหญ่ขึ้น มีพลังงานมากขึ้น เพิ่มโอกาสรอดให้ทารก

อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยจากสถาบันแซงเกอร์ของเคมบริดจ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยคีเลและเอดินเบอระ กล่าวว่า ข้อมูลข้างต้นเป็นจริงเพียงบางส่วน แต่หัวใจสำคัญคือ จำนวนเซลล์ประสาทที่เพิ่มขึ้น

ทีมวิจัยศึกษาเปรียบเทียบสารสื่อประสาท หรือซินแนป ซึ่งเป็นตัวเชื่อมระหว่างเซลล์ประสาทของสิ่งมีชีวิต 3 ชนิด ได้แก่ ยีสต์เซลล์เดียว แมลงหวี่ และหนู พบว่าจำนวนโปรตีนในซินแนปของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีอยู่ราว 600 โปรตีน เทียบกับแมลงหวี่ มีโปรตีนเพียงครึ่งของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และในยีสต์เซลล์เดียว ซึ่งไม่มีสมอง มีโปรตีนเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น

ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นความก้าวหน้าของวิวัฒนาการจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมาถึงหลายเซลล์ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังและมีกระดูกสันหลัง ซึ่งสารสื่อประสาทมีความซับซ้อนขึ้น และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ศ.เซธ แกรนต์ หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า การค้นพบในครั้งนี้ไม่ได้อธิบายเพียงแค่วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แต่ยังเกี่ยวพันกับวิวัฒนาการของมนุษย์ที่กำลังดำเนินอยู่ ให้เข้าใจตรรกเบื้องหลังความซับซ้อนของสมองมนุษย์อีกก้าว

ดร.ฮิวโก้ สปายเออร์ นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่า แม้ขนาดของสมองไม่สามารถอธิบายความแตกต่างของการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ แต่ก็มีหน้าที่หลัก

“งานวิจัยนี้ชี้ชัดให้เห็นว่า การศึกษาสารสื่อประสาทในสมองทำให้เราเข้าใจสมองที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น แต่หากพูดถึงความฉลาดจะพบว่า มนุษย์มีสมองบางส่วนที่ใหญ่กว่า และเป็นตัวแปรชี้ความแตกต่างระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จริง“ ดร.ฮิวโก้กล่าว

ณศิริ เตชะเสน รายงาน
http://news.bbc.co.uk/2/hi/health/7443534.stm

chatphan กล่าวว่า...

รู้จัก Streaming Media Technology

ปัจจุบันนี้สื่อผสม(Multimedia) ได้มีการนำมาใช้ในงานนำเสนอในหลายรูปแบบสำหรับวิธีการส่งข้อมูล Audio และ Video ผ่าน web browser มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ การใช้ Web Server ในการนำข้อมูลส่งไปยัง โปรแกรมที่ใช้นำเสนสื่อนั้นๆ และอีกวิธีหนึ่งคือการใช้ Streaming Media Server ซึ่งจะใช้ Server โดยเฉพาะในการให้บริการข้อมูล Audio/Video ถ้าเป็นเมื่อก่อน การนำเสนอสื่อ Audio/Video บน Web จะใช้การ download-and-play ซึ่งการที่จะชมสื่อนั้นๆได้นั้น จะต้องทำการ download ข้อมูลทั้งหมดมาก่อนจึงจะสามารถเล่นได้ ซึ่งถึงแม้จะเป็นสื่อขนาดเล็กเพียง 30 วินาทีก็ตาม อาจจะต้องใช้เวลา Download ถึง 20 นาทีก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ฟัง/ชม ได้
แต่ปัจจุบันการชม Audio/Video จาก Streaming Media Server จะแตกต่างออกไป โดยที่ Streaming Media file จะเริ่มเกือบจะในทันทีที่เล่น ระหว่างที่ข้อมูลกำลังถูกส่ง ผู้ชมสามารถรับฟัง/ชม สื่อนั้นๆได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ download ข้อมูลทั้งหมดก่อน ไม่ว่าสื่อนั้นๆจะมีขนาด 30 วินาที หรือ 30 นาทีก็ตาม โดยมี Buffer เป็นตัวช่วย
จุดเด่นของการใช้ Streaming Media Server : เป็นผู้ให้บริการ
1. ใช้ Protocol ซึ่งเหมาะสมกับการนำเสนอ Realtime Audio/Video ซึ่งก็คือ UDP
2. ถูกออกแบบเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้จำนวนมาก
3. สามารถเพิ่มบริการพิเศษต่างๆได้เช่น pay-per-view หรือการติดโฆษณา
4. สามารถปรับเปลี่ยน การส่งข้อมูลให้เหมาะสมสำหรับ client แต่ละรายได้ดี
5. สามารถควบคุมการนำเสนอได้ เช่นควบคุมให้ดูได้เฉพาะกลุ่ม หรือช่วงเวลา

แหล่งที่มาของข่าวสารเรื่อง : Streaming Media Technology
http://www.nextproject.net
ค้นหาบทความโดย นายฉัตรพันธ์ นิลกำแหง - Edtech15
e-mail.address:chatphan15@gmail.com