The startling reaction between Diet Coke and Mentos sweets, made famous in thousands of YouTube videos, finally has a scientific explanation. A study in the US has identified the prime factors that drive the fizzy plumes from Coke bottles: the roughness of the sweet and how fast it plummets to the bottle's base.
A new world record was set as 1,36 Mentos-and-Coke fountains were created by students in Leuven, Belgium. About 1,500 students simultaneously put Mentos mints in bottles of Coca-Cola Light, making a record number of the improvised bubblers, on April 23, 2008, on Ladeuzeplein Square. (SVEN DILLEN/AFP/Getty Images) "If you drop a pack of Mentos into a bottle of Diet Coke, you get this huge fountain of spray and Diet Coke foam coming out," says Tonya Coffey, a physicist at Appalachian State University in Boone, North Carolina. "This was a good project for my students to study because there was still some mystery to it."When mint or fruit Mentos are dropped into a fresh bottle of Diet Coke, a jet of Coke whooshes out of the bottle's mouth and can reach a height of 10 metres. Theories abound as to why this happens, with some bloggers speculating that it is an acid-base reaction because Coke is acidic.
สำนักงานบริหารกิจการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวิทยุแห่งชาติของจีนหรือ The State Administration of Radio Film and Television (SARFT) นั้นประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการวีดีโอบนอินเทอร์เน็ตไว้ที่เว็บไซต์ของหน่วยงานนาม www.sarft.gov.cn รายชื่อส่วนใหญ่เป็นบริษัทสถานีโทรทัศน์
หนึ่งในผู้ที่ผ่านการพิจารณาและได้รับใบอนุญาตคือสื่อของรัฐบาลจีนอย่างสำนักข่าวซินหัว (Xinhua) หนังสือพิมพ์ People's Daily และสถานีโทรทัศน์ CCTV หรือ China Central Television ขณะที่หลายบริษัทมีลักษณะเป็นเว็บท่าข่าวสารแต่ไม่ได้สร้างคอนเทนท์วีดีโอออนไลน์ในขณะนี้อย่าง Sina.com, Sohu.com, NetEase และ Tencent Holdings
ประเทศจีนนั้นถูกประมาณว่าจะเป็นแชมป์ประเทศผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลกเหนือสหรัฐอเมริกาได้ในปีนี้ สถิติล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์จากศูนย์ข้อมูลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตประเทศจีน China Internet Network Information Centre พบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนมีจำนวนราว 221 ล้านคน
ดร. Erik Jan van Lieshout ผู้ร่วมวิจัยและนักวิชาการระวังภัยของมหาวิทยาลัย University of Amsterdam's Academic Medical Center ระบุว่า ผลการทดสอบชี้ชัดว่าโรงพยาบาลควรทดสอบระบบไร้สายให้รัดกุมก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และจะดีมากหากมีการร่วมมือจากฝ่ายโรงพยาบาล หน่วยงานกำกับดูแลจากภาครัฐ และผู้ผลิต มาร่วมแรงทดสอบเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอย่างพร้อมเพรียง
8 ความคิดเห็น:
Science of Mentos-Diet Coke Explosions Explained
By HAZEL MUIRJune 15, 2008
The startling reaction between Diet Coke and Mentos sweets, made famous in thousands of YouTube videos, finally has a scientific explanation. A study in the US has identified the prime factors that drive the fizzy plumes from Coke bottles: the roughness of the sweet and how fast it plummets to the bottle's base.
A new world record was set as 1,36 Mentos-and-Coke fountains were created by students in Leuven, Belgium. About 1,500 students simultaneously put Mentos mints in bottles of Coca-Cola Light, making a record number of the improvised bubblers, on April 23, 2008, on Ladeuzeplein Square. (SVEN
DILLEN/AFP/Getty Images)
"If you drop a pack of Mentos into a bottle of Diet Coke, you get this huge fountain of spray and Diet Coke foam coming out," says Tonya Coffey, a physicist at Appalachian State University in Boone, North Carolina. "This was a good project for my students to study because there was still some mystery to it."When mint or fruit Mentos are dropped into a fresh bottle of Diet Coke, a jet of Coke whooshes out of the bottle's mouth and can reach a height of 10 metres. Theories abound as to why this happens, with some bloggers speculating that it is an acid-base reaction because Coke is acidic.
โลกวิทยาศาสตร์ - เมนทอสใส่โค้ก ไดเอ็ท
ลองเอาลูกอมเมนทอส รสมินท์ หรือรถผลไม้ก็ได้ใส่ลงไปในขวดไดเอ็ท โค้ก คุณจะพบว่าเพียงไม่กี่วินาทีน้ำในขวดโค้กจะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นฟองฟอดทะลักขึ้นปากขวดราวกับน้ำพุ สูงหลายสิบเมตรได้อย่างน่าประหลาดใจ นักวิทยาศาสตร์ช่วยกันไขปริศนาจนพบคำตอบแล้วว่าทำไมน้ำถึงพุ่งปรี๊ดออกมาได้ ปรากฏการณ์น้ำพุไดเอ็ท โค้ก จากพลังเมนทอสได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก ถึงขนาดทำเป็นวิดีโอคลิปโหลดขึ้นเว็บไซต์ยูทูบ (http://www.youtube.com/) นับพันไฟล์ แต่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ปฏิกิริยาทางเคมีชนิดไหนที่อยู่เบื้องหลังการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เปรอะเปื้อนดังกล่าว
ทองก้า คอฟฟรีย์ นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแอบพาลาเชียน สเตท จากสหรัฐ บอกว่า เขาเสนอให้นักศึกษาหาคำตอบว่า ทำไมเอาเมนทอสใส่ไดเอ็ท โค้ก แล้วน้ำจากขวดโค้กถึงพุ่งเป็นน้ำพุไปได้ และบางครั้งสูงถึง 10 เมตร
ที่ผ่านมา เคยมีคนตั้งทฤษฎีอธิบายเหตุการณ์มากมาย และนักเขียนเว็บบล็อกบางคนคาดว่าเป็นผลมาจากปฏิกิริยากรด-เบส เนื่องจากโค้กมีสภาพเป็นกรด เมื่อปี 2549 รายการมิธบัสเตอร์ของสถานีดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล อธิบายว่า กระบวนการทางเคมีที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาน้ำพุไดเอ็ท โค้ก คือ กัม อะราบิก (สารใช้เติมในอาหารให้มีสภาพคงตัว) และเจลาตินในเมนทอส ทำปฏิกิริยากับกาเฟอีน โพแทสเซียม เบนโซเอต และแอสพาร์ทาม (น้ำตาลเทียม) ในโค้ก แต่ยังไม่มีใครศึกษาเรื่องนี้เชิงวิทยาศาสตร์กันอย่างจริงจัง
เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนขึ้น คอฟฟีย์ และทีมนักศึกษาทอสอบปฏิกิริยาเปรียบเทียบระหว่างไดเอ็ท โค้ก กับเมนทอสรสผลไม้ รสมินท์ และสารปรุงแต่งอื่น เช่น มินท์ น้ำยาล้างจาน เกลือป่น และทราย ทีมวิจัยยังได้ทดสอบเปรียบเทียบกับน้ำอัดลมอื่น เช่น น้ำอัดลมไร้กาเฟอีน และไร้น้ำตาล รวมถึงพวกน้ำโซดา และน้ำโทนิกที่ใช้ผสมเครื่องดื่ม
ทีมวิจัยทดลองโดยตั้งขวดทำมุมเอียง 10 องศา และบันทึกภาพน้ำพุขณะพุ่งออกจากขวด บันทึกปริมาณน้ำที่ทะลักออก และอิทธิพลของผิวลูกอมเมนทอสต่อการทำปฏิกิริยา ผลทดลองพบว่า ไม่ว่าจะเป็นเมนทอสรสผลไม้หรือรสมินท์ ก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาน้ำพุไดเอ็ท โค้ก ได้เหมือนกัน และสามารถพุ่งขึ้นสูงสุด 7 เมตร เมื่อทดลองใช้กับไดเอ็ท โค้ก สูตรปลอดกาเฟอีนก็ได้ผลเหมือนกัน แสดงว่า กาเฟอีนไม่ได้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา โดยเฉพาะปริมาณกาเฟอีนที่ใช้ผสมในเครื่องดื่มไดเอ็ท โค้ก ที่ไม่มากนัก
เมื่อวัดค่าความเป็นกรด-ด่างของโค้กก่อนทดลองและหลังทดลองพบว่า ค่าความเป็นกรด-ด่างคงที่ หมายความว่า ทฤษฎีที่บอกว่าเป็นปฏิกิริยาจากกรด-เบส คงนำมาใช้อธิบายไม่ได้ ทว่า ทีมวิจัยพบว่า น้ำพุไดเอ็ท โค้ก พุ่งสูงต่ำแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมกันที่มีอิทธิพลต่อการเพิ่มปริมาณฟองคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ ผิวเคลือบเมนทอสที่หยาบยังช่วยให้เกิดฟองมากขึ้นเนื่องจากไปก่อกวนการจับขั้วระหว่างโมเลกุลของน้ำที่ทำให้ฟองเพิ่มปริมาณมากขึ้น
"โดยทั่วไป โมเลกุลน้ำจะจับกับโมเลกุลน้ำที่อยู่ถัดไป และถ้าคุณเอาบางอย่างใส่ลงไปในน้ำอัดลมเป็นผลทำให้เครือข่ายโมเลกุลน้ำปั่นป่วน และทำให้เกิดฟองได้เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใส่ลูกอมผิวหยาบที่มีสัดส่วนพื้นผิวสูงเมื่อเทียบกับปริมาตร ยิ่งทำให้เกิดฟองมากขึ้น" นักวิจัย กล่าว นอกจากนี้ แรงตึงผิวที่น้อยลงยังช่วยให้ฟองเกิดเร็วขึ้น เมื่อนำผลทดลองมาดูพบว่า น้ำที่มีสารแอสพาร์ทาม (สารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียม) ซึ่งออกรสหวานจัดมีแรงตึงผิวน้อยกว่าน้ำหวานทั่วไป จึงอธิบายได้ว่า ทำไมไดเอ็ท โค้ก ถึงเกิดฟองพรวดพราดเร็วว่าโค้กธรรมดา
อีกปัจจัยหนึ่งคือ กัม อะราบิกที่เคลือบเมนทอส เป็นสารลดแรงตึงผิวที่ยิ่งทำให้แรงตึงผิวของไดเอ็ท โค้กลดลงยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่า เมื่อทดลองใช้ลูกอมมินท์ที่ไม่มีสารลดแรงตึงผิวไม่ทำให้เกิดน้ำพุขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เมนทอสมีมวลที่หนาแน่น และจมอย่างรวดเร็ว จึงยิ่งเร่งปริมาณฟองมากยิ่งขึ้นก่อนทะลักขึ้นปากขวด ต่างจากเมนทอสบดละเอียดเมื่อใส่ลงไปในไดเอ็ท โค้ก ทำให้เกิดฟองพุ่งขึ้นแค่ 30 เซนติเมตรเท่านั้น
ณศิริ เตชะเสน รายงาน
จีนไฟเขียวธุรกิจวีดีโอออนไลน์ ออกใบอนุญาต 247 บริษัท
รัฐบาลมังกรออกใบอนุญาตให้ 247 บริษัทสามารถประกอบธุรกิจให้บริการแชร์ไฟล์วีดีโอออนไลน์ในประเทศจีนได้ หลังจากสั่งระงับการดำเนินงานของหลายสิบบริษัทไปเมื่อปีที่ผ่านมา
สำนักงานบริหารกิจการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวิทยุแห่งชาติของจีนหรือ The State Administration of Radio Film and Television (SARFT) นั้นประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการวีดีโอบนอินเทอร์เน็ตไว้ที่เว็บไซต์ของหน่วยงานนาม www.sarft.gov.cn รายชื่อส่วนใหญ่เป็นบริษัทสถานีโทรทัศน์
หนึ่งในผู้ที่ผ่านการพิจารณาและได้รับใบอนุญาตคือสื่อของรัฐบาลจีนอย่างสำนักข่าวซินหัว (Xinhua) หนังสือพิมพ์ People's Daily และสถานีโทรทัศน์ CCTV หรือ China Central Television ขณะที่หลายบริษัทมีลักษณะเป็นเว็บท่าข่าวสารแต่ไม่ได้สร้างคอนเทนท์วีดีโอออนไลน์ในขณะนี้อย่าง Sina.com, Sohu.com, NetEase และ Tencent Holdings
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์วีดีโอออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากมายในจีนอย่าง Tudou.com กลับไม่มีรายชื่อในบัญชีผู้ได้รับใบอนุญาต หลังจาก Tudou.com ได้รับการเตือนและถูกสั่งให้ระงับให้บริการชั่วคราวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ไม่ใช่ Tudou.com รายเดียว ทางการจีนสั่งปิดเว็บไซต์แชร์ไฟล์วีดีโอกว่า 25 แห่งในเดือนมีนาคม พร้อมส่งคำเตือนไปยังเว็บไซต์อื่นๆอีกหลายสิบแห่ง ถือเป็นการเฉือดไก่ให้ลิงดูอย่างจริงจัง
ประเทศจีนนั้นถูกประมาณว่าจะเป็นแชมป์ประเทศผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลกเหนือสหรัฐอเมริกาได้ในปีนี้ สถิติล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์จากศูนย์ข้อมูลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตประเทศจีน China Internet Network Information Centre พบว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนมีจำนวนราว 221 ล้านคน
จำนวนผู้ใช้มหาศาลย่อมเป็นสิ่งล่อตาให้บริษัทไอทีมากมายเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมออนไลน์ของประเทศจีน แม้จะต้องดำเนินงานท่ามกลางแรงกดดันเรื่องนโยบายหลายๆอย่างของรัฐบาลจีน
ข่าวจาก : ผู้จัดการออนไลน์
นางสาวชนกพร บุญศาสตร์ รายงาน
ญี่ปุ่นโชว์หุ่นยนต์อุตสาหกรรมเหมือนมนุษย์มากสุดในไทยเป็นแห่งแรก
ญี่ปุ่นโชว์หุ่นยนต์อุตสาหกรรมเหมือนมนุษย์มากสุดในไทยเป็นแห่งแรกกรุงเทพฯ 17 มิ.ย.ผู้ผลิตมอเตอร์รายใหญในญี่ปุ่นนำผลงานหุ่นยนต์อุตสาหกรรมอัจฉริยะที่เลียนแบบมนุษย์ขนาดเท่ากับคนจริง SDA10 ทำงานแทนมนุษย์ จัดแสดงงานมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยี เพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ไบเทค บางนา
นายกัมปนาท ตันพิทักษ์สิทธิ์ ผู้จัดการระบบการออกแบบหุ่นยนต์ บริษัท ยาสกาวา อิเล็กทริกส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทได้พัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมอัจฉริยะที่เลียนแบบมนุษย์ขนาดเท่ากับคนจริง นับเป็นตัวที่ 2 รองจาก หุ่นยนต์ DA10 ที่พัฒนาสำเร็จเมื่อปี 2550 โดยหุ่นยนต์ตัวใหม่ขนาดเท่ากับคนจริงตัวแรกของโลกชื่อว่า SDA10 มีขนาดเล็กกว่า DA10 และมีแขนเรียวยาวเหยียดได้ตรงกว่า ทำให้ทำงานในอุตสาหกรรมได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่า หุ่นยนต์ตัวก่อน ซึ่งหุ่นยนต์ SDA10 สามารถยกของน้ำหนักสูงสุด 20 กิโลกรัม ราคากว่า 3 ล้านบาท เพิ่งประดิษฐ์สำเร็จ และนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมีโรงงานติดต่อเพื่อนำหุ่นยนต์ SDA10 ไปใช้แล้ว
นายกัมปนาท ยังกล่าวอีกว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนการทำงานของมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะงานที่มีความเสี่ยง งานที่ต้องการความแม่นยำ และงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ตลอดเวลา โดยในประเทศญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์ต่อสายไฟฟ้าแรงสูงแทนมนุษย์ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ในสหรัฐอเมริกาการนำหุ่นยนต์ใช้ในวงการบันเทิง อาทิ การชงเครื่องดื่มและการเสริ์ฟเครื่องดื่ม เป็นต้น “การพัฒนาหุ่นยนต์ที่ประสบความสำเร็จ คือ การนำเทคโนโลยีมอร์เตอร์ที่ทันสมัย ทำให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มาก แต่มีความแม่นยำมากกว่ามนุษย์”
สำหรับหุ่นยนต์ SDA10 จะนำมาแสดงให้บุคคลทั่วไปได้ชมความสามารถ ในงานมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 19-22 มิถุนายน 2551.-สำนักข่าวไทย
Credit : http://news.mcot.net
รายงานข่าวโดย : นางสาวอารยา เลาหะพันธ์ Edtech 15 รหัส 51063709
-- โซนี่ อีริคสัน Cyber-shot
โซนี่ อีริคสัน เปิดตัวโทรศัพท์มือถือตระกูล ไซเบอร์ช็อต รุ่นแรกของซีรีส์ C กับรุ่น C902 โทรศัพท์รุ่นนี้ความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซลแบบออโตโฟกัส เป็นระบบโฟกัสใบหน้า สามารถจับภาพใบหน้าได้ถึง 3 ใบหน้า พร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว ส่วนราคาเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ราคา 16,900 บาท พร้อมเมโมรี 1GB มีให้เลือก 2 สีได้แก่ ดำ (SWIFT BLACK) และ สีแดง (LUSCIOUS RED)
- ซัมซุง Soul
ซัมซุง Soul รองรับระบบ (GSM 850/900/1800/1900 MHz) มาพร้อมกับจอแสดงผล TFT-LCD 16 ล้านสี - 240 x 320 พิกเซล มีปุ่มควบคุมทิศทาง ระบบสัมผัส (Navigation panel)เสียงเรียกเข้า MP3 ขนาดบางเพียง 12.9 มม. และ กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้ระดับเดียวกับกล้องดิจิตอลคุณภาพ วางจำหน่ายแล้วในราคา 15,900 บาท พร้อมการ์ดหน่วยความจำขนาด 2 กิกะไบต์
-โฟนวัน M504
บริษัท ไวร์เลส ดีไวซ์ ซัพพลาย จำกัด เปิดตัวมือถือ Phone รวดเดียว 9 รุ่น แต่จะนำเสนอเพียง 3 รุ่นที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ รุ่นแรก คือ phoneOne M504 มาพร้อมกับฟังก์ชันบลูทูธ ตัวเครื่องยังสามารถดูหนัง MP4 ฟังเพลง MP3 เล่นเกม ถ่ายรูป จำหน่ายในราคาเพียง 5,590 บาท
ส่วนรุ่นที่สองมาแปลกแหวกแนวที่บอกว่าแหวกแนวเพราะ PhoneOne M702 มือถือเปลี่ยนเสียงพูด สามารถดูทีวีใช้งานได้ 2 เบอร์พร้อมกัน ตัวเครื่องมีกล้องถ่ายรูปมาให้ 2 ชุดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้สามารถถ่ายรูปตัวเองไปพร้อมกับดูหน้าจอไปในคราวเดียวกันมีฟังก์ชันเปลี่ยนเสียงสนทนา (Voice Simulation) เป็นทั้ง ผู้หญิง และผู้ชาย หรือแม้แต่เสียงเด็ก จำหน่ายในราคาเพียง 7,990 บาท
และรุ่นสุดท้าย คือ phoneOne M901 ดู TV ผ่านมือถือเป็นระบบสัมผัสหน้าจอด้วยปลายนิ้วมีดีไซน์ที่ดู premium มาพร้อมกับ stylus & Analogue TV antenna ที่คล้าย accessories กับหน่วยความจำ 80 เมกะบิต รองรับ micro SD card จำหน่ายในราคา 9,990 บาท
ทีโอที จับมือ สจพ.มุ่งพัฒนาบุคลากร เทียบระดับสากล
นายธีรวุฒิ บุณยโสภณ ประธานกรรมการบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือว่า ทางทีโอทีเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรบุคคลของบริษัทฯจึงมีมติที่ประชุมบอร์ดของทีโอที ในวันที่ 10 เม.ย.51 ให้มีแผนการพลิกฟื้นธุรกิจขึ้นในหลายๆเรื่องรวมถึงเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีคุณค่าและทำให้องค์กรสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างมั่นคง จึงได้วางนโยบายและยุทธ์ศาสตร์ด้านทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นระบบ โดยมีการเชื่อมโยงบุคลากรให้มีความพร้อมในการขับเคลื่อนที่บรรลุเป้าหมายตัวชี้วัดเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะด้านความรู้ ทักษะ กรอบความคิดและแรงจูงใจ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพที่สามารถสร้างนวัตกรรมและบริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจให้กับลูกค้าและสามารถแข่งขันในธุรกิจได้ตลอดเวลา
“ขณะนี้ทีโอทีขาดแคลนทรัพยากรบุคคลในสาขาวิศวกรรมศาสตร์โทรคมนาคม วิศวกรรมศาสตร์สาขาซอฟต์แวร์ และการที่ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือนั้น จะทำให้ทีโอทีประหยัดงบประมาณในการพัฒนาบุคลากรในการไปศึกษาต่อต่างประเทศได้ 10 เท่า จากเดิมที่เราส่งไปต่างประเทศเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 2 ล้านบาท แต่หากเราส่งให้เรียนในเมืองไทยเราจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงปีละ 2 แสนบาท” ปธ.กก.บ.ทีโอทีกล่าว
ด้านนายวรุธ สุวกร รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุนที่ทีโอที ให้พนักงานจะแบ่งตามกลุ่มและอายุ คือ บุคลากรระดับปฏิบัติการที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป จะมีความชำนาญในเชิงปฏิบัติมาก ทีโอที จะเพิ่มเติมความรู้ทางวิชาการโทรคมนาคมให้ จึงไม่จำเป็นต้องเรียนต่อวุฒิระดับปริญญาตรี แต่จะให้การสนับสนุนโดยจัดอบรมในหลักสูตรระยะสั้นแทน ส่วนบุคลากรระดับวัยกำลังทำงานหรือเริ่มต้นทำงาน มีให้เลือก 2 ระยะ คือ ระยะสั้น จะเน้นหน่วยงานปฏิบัติการและช่าง โดยจะให้ทุนการศึกษากับพนักงานที่จบวุฒิ ปวส. ทางด้านช่างให้เรียนเพิ่มเติมระดับปริญญาตรีระบบเทียบโอน วุฒิวิชาชีพในสาขาที่เกี่ยวข้องกับโทรคมนาคม ส่วนระยะยาวจะมุ่งสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างขีดความสามารถให้กับองคืกรด้วยการให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอกที่เน้นการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ในสาขาที่สนับสนุนกลยุทธ์และเป้าหมายขององค์กร
ส่วนนายปรีชา อ่องอารี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวว่า โครงการความร่วมมือดังกล่าว จะมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี ในขั้นต้นจะให้ทุนเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกในสาขาวิศวกรรมโทรคมนาคมและสาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ณ บัณทิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน ที่เป็นโครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอาเค่น ที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศเยอรมันกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยรัฐบาลเยอรมัน และกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศเยอรมันให้การสนับสนุน สำหรับการเรียนการสอนจะใช้ภาษาอังกฤษ
ข่าวจาก : ไทยรัฐ
นางสาวดารณี โต๊ะสวัสดิสุข
เทคโนฯไร้สายในโรงพยาบาลเสี่ยงทำเครื่องช่วยหายใจดับ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2551
การศึกษาพบ ระบบจัดการเครื่องมือแพทย์แบบไร้สายในโรงพยาบาลมีความเสี่ยงรบกวนการทำงานเครื่องช่วยชีวิต เครื่องอาจดับหรือทำงานผิดพลาดและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย วอนโรงพยาบาลทดสอบและศึกษาผลข้างเคียงของระบบไร้สายให้ดีก่อนจะนำมาใช้จริง
นักวิจัยเนเธอร์แลนด์ระบุว่า คลื่นสัญญาณไมโครชิปสำหรับการส่งข้อมูลในระบบแบบไร้สายคือสาเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการศึกษาพบว่า อุปกรณ์ประเภทเครื่องช่วยชีวิต โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจนั้นจะตอบสนองต่อสัญญาณรบกวนรวดเร็วมาก คลื่นวิทยุจากไมโครชิปเหล่านี้จึงเสี่ยงต่อการถูกรบกวนการทำงานสูง
จากการทดสอบกว่า 123 ครั้งในโรงพยาบาลอัมสเตอร์ดัมพบว่า มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของการทดสอบที่อุปกรณ์ช่วยชีวิตมีภาวะแม่เหล็กไฟฟ้าบกพร่องหากมีอุปกรณ์ฝังไมโครชิปถูกวางไว้ใกล้เครื่องช่วยชีวิตในระยะ 1 ฟุต ขณะที่กว่า 20 กรณีเครื่องช่วยชีวิตทำงานผิดพลาดในระดับเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยอาการหนัก ที่สำคัญ กรณีเครื่องช่วยหายใจดับเคยเกิดขึ้นในการทดสอบด้วย
เครื่องมือแพทย์ฝังไมโครชิปนั้นมักนำมาใช้ประโยชน์ในแง่การติดตามเครื่องมือในโรงพยาบาล สามารถป้องกันการขโมยได้ดีและอำนวยความสะดวกให้การค้นหาเครื่องในสถานบาลทำได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังถูกวางตัวให้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาปลอมแปลงยาด้วย
ดร. Erik Jan van Lieshout ผู้ร่วมวิจัยและนักวิชาการระวังภัยของมหาวิทยาลัย University of Amsterdam's Academic Medical Center ระบุว่า ผลการทดสอบชี้ชัดว่าโรงพยาบาลควรทดสอบระบบไร้สายให้รัดกุมก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และจะดีมากหากมีการร่วมมือจากฝ่ายโรงพยาบาล หน่วยงานกำกับดูแลจากภาครัฐ และผู้ผลิต มาร่วมแรงทดสอบเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอย่างพร้อมเพรียง
แหล่งข่าว http://www.manager.co.th
รายงานโดย ปวริศา ธีระนังสุ
รหัสประจำตัว 51063705
WiMax เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
WiMax คืออะไร ?
WiMax เป็นชื่อเรียกเทคโนโลยีไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดที่คาดหมายกันว่า จะถูกนำมาใช้งานในอนาคต อันใกล้นี้ โดย WiMax เป็นชื่อย่อของ Worldwide Interoperability for Microwave Access ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูงรุ่นใหม่ที่ถูก พัฒนาขึ้นมาบนมาตรฐาน IEEE 802.16 ซึ่งต่อมา ก็ได้พัฒนามาตรฐาน IEEE 802.16a ขึ้น โดยได้อนุมัติออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2004 โดยสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) ซึ่งมีรัศมีทำการที่ 30 ไมล์ หรือเป็นระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายความว่า WiMax สามารถ ให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G มากถึง 10 เท่า ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีอัตราความเร็วในการส่งผ่าน ข้อมูลสูงสุดถึง 75 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่งเร็วกว่า 3G ถึง 30 เท่าทีเดียว
แม้ว่าในขณะนี้ WiMax จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่ WiMax ก็ถือว่า เป็นเทคโนโลยีที่มีอนาคตสดใส เป็นทางเลือก หนึ่งที่จะเข้ามาช่วยตอบสนองความต้องการการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงซึ่งมีแนวโน้มเติบโต อย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี
และหากมองถึงประโยชน์ในการ ขยายเครือข่ายบรอดแบนด์ให้เข้าถึงพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลแล้ว ผลประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้งานทุกคนที่จะมีโอกาสได้ใช้เครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงอย่าง เท่าเทียมกัน รวมไปถึงการช่วยสร้างรายได้และโอกาสทางการตลาดให้กับเหล่าโอเปอเรเตอร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย รวมทั้งบรรดาผู้ผลิต อุปกรณ์ที่ เกี่ยวข้อง และเชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี WiMax อย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับที่ Wi-Fi ประสบความสำเร็จอยู่ในปัจจุบัน
แหล่งที่มาของข่าวสารเรื่อง : WiMax เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
http://www.nextproject.net
http://www.arip.co.th/2006/news.php?id=403665
ค้นหาบทความโดย นายฉัตรพันธ์ นิลกำแหง - Edtech15
e-mail.address:chatphan15@gmail.com
แสดงความคิดเห็น