Cow Backpacks Trap Methane Gas by Lisa Zyga, General Science / Other
In an attempt to understand the extent of cow flatulence on global warming, scientists in Argentina are strapping plastic bags to the backs of cows to capture their emissions.
Argentina has more than 55 million cows, making it a leading producer of beef. In the study, the scientists were surprised to discover that a standard 550-kg cow produces between 800 to 1,000 liters of emissions, including methane, each day.
Further, methane - which is also released from landfills, coal mines and leaking gas pipes - is 23 times more effective than carbon dioxide at trapping heat in the atmosphere.
"When we got the first results, we were surprised," said Guillermo Berra, a researcher at the National Institute of Agricultural Technology in Argentina. "Thirty percent of Argentina´s (total greenhouse) emissions could be generated by cattle.
" In their study, the researchers attached balloon-like plastic packs to the backs of at least 10 cows. A tube running to the animals´ stomachs collected the gas inside the backpacks, which were then hung from the roof of the corral for analysis.
The Argentine researchers say that the slow digestive system of the cows causes them to produce these large amounts of methane. Now, the scientists are performing trials of new diets designed to improve the cows´ digestion and reduce global warming. By feeding cows clover and alfalfa instead of grain, "you can reduce methane emissions by 25 percent," according to Silvia Valtorta of the National Council of Scientific and Technical Investigations.
7 ความคิดเห็น:
Cow Backpacks Trap Methane Gas
by Lisa Zyga, General Science / Other
In an attempt to understand the extent of cow flatulence on global warming, scientists in Argentina are strapping plastic bags to the backs of cows to capture their emissions.
Argentina has more than 55 million cows, making it a leading producer of beef. In the study, the scientists were surprised to discover that a standard 550-kg cow produces between 800 to 1,000 liters of emissions, including methane, each day.
Further, methane - which is also released from landfills, coal mines and leaking gas pipes - is 23 times more effective than carbon dioxide at trapping heat in the atmosphere.
"When we got the first results, we were surprised," said Guillermo Berra, a researcher at the National Institute of Agricultural Technology in Argentina. "Thirty percent of Argentina´s (total greenhouse) emissions could be generated by cattle.
" In their study, the researchers attached balloon-like plastic packs to the backs of at least 10 cows. A tube running to the animals´ stomachs collected the gas inside the backpacks, which were then hung from the roof of the corral for analysis.
The Argentine researchers say that the slow digestive system of the cows causes them to produce these large amounts of methane. Now, the scientists are performing trials of new diets designed to improve the cows´ digestion and reduce global warming. By feeding cows clover and alfalfa instead of grain, "you can reduce methane emissions by 25 percent," according to Silvia Valtorta of the National Council of Scientific and Technical Investigations.
จับวัวติดลูกโป่งวัดค่ามีเทน
นักวิทยาศาสตร์ชาวอาร์เจนตินาจับวัวบรรทุกถุงพลาสติกใสต้องการพิสูจน์คำครหาว่า วัวควายก็มีส่วนทำโลกร้อนเหมือนกัน ไม่ใช่แต่ประเทศอุตสาหกรรมเท่านั้น
อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่เลี้ยงวัวมากกว่า55 ล้านตัว และส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อเป็นอันดับต้นของโลก ผลจากการศึกษาครั้งนี้เล่นเอานักวิทยาศาสตร์ถึงกับแปลกใจที่พบว่า วัวมาตรฐานขนาด 550 กิโลกรัม แพร่สารพัดก๊าซออกมาถึง 800-1,000 ลิตรทุกวันรวมถึงก๊าซมีเทน หนึ่งในก๊าซเรือนกระจก
กุยเลอร์โมเบอร์รา นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีเกษตรในอาร์เจนตินา เอ่ยว่า ตอนที่เห็นผลวิจัยครั้งแรก ทำเอาพวกเขางงไปตามกัน นั่นหมายความว่า ราว 30% ของก๊าซเรือนกระจกที่อาร์เจนตินาแพร่ออกมา อาจเกิดจากการทำฟาร์มปศุสัตว์
การศึกษาครั้งนี้ทีมวิจัยนำถุงพลาสติกคล้ายบอลลูนติดไว้บนหลังวัว 10 ตัว โดยต่อท่อเข้าไปยังกระเพาะของวัวเพื่อนำก๊าซมาเก็บไว้ในถุง
ทั้งนี้ระบบย่อยอาหารแบบเคี้ยวเอื้องของวัว เป็นตัวการทำให้เกิดมีเทนจำนวนมาก ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์เตรียมออกแบบอาหารชนิดใหม่ เพื่อปรับปรุงระบบย่อยอาหารของวัว และลดก๊าซโลกร้อน
มูลวัวปล่อยก๊าซมีเทน55% คาร์บอนไดออกไซ์ด 30-35% ที่เหลือเป็นไฮโดรเจนและไนโตรเจน แม้ว่ามูลวัวจะปล่อยก๊าซโลกร้อน แต่มูลของสัตว์เคี้ยวเอื้องพวกนี้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงสำหรับอนาคต เมื่องคำนวณแล้วพบว่ามูลวัวขนาดหนึ่งลูกบาศก์ฟุต ให้ความร้อนได้ราว 600 บีทียู
ก๊าซจากมูลสัตว์ถือว่าเป็นก๊าซชีวภาพอย่างหนึ่งในอินเดีย เกษตรกรจำนวนมากทำโรงผลิตก๊าซขนาดเล็กไว้ใกล้บ้าน และต่อท่อก๊าซมายังครัวเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงประกอบอาหาร จากการประเมินคาดว่ามีโรงผลิตก๊าซถึง 2 ล้านโรง เกษตรกรปากีสถานก็นิยมผลิตก๊าซรูปแบบนี้เช่นกัน รัฐบาลถึงกับสนับสนุนค่าทำระบบให้ 50%
ณศิริ เตชะเสน รายงาน
แหล่งที่มา http://www.physorg.com/news135003243.html
คอมเซเว่น เผยโฉม PowerColor PCS HD 4850 2G เร้าทุกโสตประสาทกับการแสดงผลที่สมบูรณ์แบบกรุงเทพฯ--18 ก.ค.--คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล
คอมเซเว่น ผู้จัดจำหน่ายการ์ดจอประสิทธิภาพแรงอย่าง PowerColor ได้เผยโฉม PowerColor PCS HD 4850 2G อาวุธลับชนิดใหม่ที่พร้อมแสดงแสนยานุภาพอันยอดเยี่ยม ด้วยแกนประมวลผลกราฟิก RV770 และมี Core Clock อยู่ที่ 665 MHz ฉีกข้อจำกัดที่ไม่เหมือนใครด้วยการใช้หน่วยความจำบัสแบบ DDR3 ขนาด 2 GB 256bit และ Stream Process ถึง 800 หน่วย พร้อมผสมผสานคุณสมบัติที่โดดเด่นและแตกต่างกับหลักการกระจายความร้อนได้รอบทิศทางอย่างระบบ PCS (Professional Cooling System) ที่สามารถดูดชับความร้อนเก็บไว้ที่ฮีตไปป์ของตัวพัดลม แล้วกระจายออกรอบทิศทาง ทำให้ไม่ต้องกังวลต่อไปโดยเฉพาะในเวลาที่โอเวอร์คล็อก ตรึงตากับเกมที่แสดงผลด้วยเทคโนโลยี Microsoft DirectX 10.1 พร้อมกับเทคโนโลยี PCI Express 2.0 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรันเกมที่คุณโปรดปราน นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อการ์ดแสดงผลได้มากถึง 4 ตัว ผ่านการเชื่อมต่อ ATI CrossFireX พ่วงท้ายด้วย HDMI พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 แชนแนล เตรียมพบกับ PowerColor PCS HD 4850 2G ได้แล้วที่คอมซเว่น โทร 0-2714-5777
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท คอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ฝ่ายข่าวประชาสัมพันธ์
รายงานโดย ภูริลาภ เรืองมณี
"DSI"เตือน Forward mail ไม่คิดเสี่ยงติดคุก
"ดีเอสไอ"เตือนนักเล่นเน็ตที่ชอบส่งต่อข้อความหรือภาพให้คนอื่น พึงระวังและควรพิจารณาให้ดีว่าเข้าข่ายผิดกฏหมายหรือไม่ก่อนส่งต่อ หากเข้าข่ายเสี่ยงติดคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้มา 1 ปี แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ และเผลอกระทำผิดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการส่งต่ออีเมลหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Forward email) ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือรูปภาพ ซึ่งอาจเป็นการทำผิดกฎหมายมีโทษปรับ-จำคุก สร้างความเดือดร้อนทั้งตนเอง เพื่อนหรือคนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกฎหมายกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยในส่วนของการส่งต่อจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Forward email) ที่มีเนื้อหาข้อความ หรือภาพอนาจารไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ต่างเสี่ยงต่อความผิดทางอาญาได้ ถึงแม้ผู้ส่งจะไม่ได้เป็นคนสร้างอีเมลนั้นขึ้น และไม่ได้เป็นการส่งเพื่อวัตถุประสงค์ในทางไม่ดีก็ตาม เนื่องจากกฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนใน มาตรา 14 (5) ว่า “ผู้ใดแจกจ่ายหรือเพื่อแสดงอวดแก่ประชาชน ทำให้แพร่หลายซึ่งเอกสารรูปภาพ เสียง สิ่งลามก ย่อมมีความผิด”
ดังนั้น ก่อนจะ Forward Mail ไปให้ใครในครั้งต่อไป ควรคิดให้ดีก่อนว่าข้อความและภาพนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือไม่ อาจสร้างความตื่นตระหนก ตกใจกลัว ให้กับคนทั่วไปหรือไม่ อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ สถาบัน หรือเป็นความผิดด้านการก่อการร้ายหรือไม่ รวมทั้งมีภาพอันเป็นลามก หรือไม่
พ.ต.อ. ญาณพลกล่าวต่อว่า หากคิดว่าใช่แต่ก็ยังเผยแพร่ ส่งต่อ(Forward) ไปยังพรรคพวก เพื่อนฝูง ญาติมิตรด้วยกลับว่าบุคคลเหล่านั้นอาจตกข่าว และท่านเองอาจคิดภูมิใจไปว่าเป็นคนแรกๆ ที่รู้ข่าว และเอื้อเฟื้อต่อญาติมิตร หรือท่านอาจนำข้อความ หรือภาพที่ได้รับมานั้น นำไปเผยแพร่ลงในเว็บบอร์ด ในเว็บไซต์ต่างๆนั้น อาจทำผิดกฎหมายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และด้วยความไม่รู้ทางเทคนิค อาจนำภัยไปสู่พรรคพวก เพื่อนฝูงที่ได้ส่งข้อความหรือภาพนั้น เพราะปัจจุบันสามารถตรวจสอบได้ง่ายว่าใครส่งต่อไปหาใคร ใครได้รับ แล้วส่งต่อไปหาใคร
นอกจากนี้ตามกฎหมายใหม่ “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550” ได้กำหนดโทษเกี่ยวกับ การนำเข้า-เผยแพร่เนื้อหาอันไม่เหมาะสมไว้ คือ (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
ดังนั้น ทุกครั้งที่ได้รับอีเมล ข่าว เนื้อความ หรือภาพมาจากอินเทอร์เน็ต ก่อนจะส่งต่อออกไป อย่าลืมคิดให้ดีว่าข้อความหรือรูปภาพนั้นเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวันของเราทุกคนเป็นไปในทางสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ต่อสังคม
รายงานโดย ชนกพร บุญศาสตร์
ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
"เทรนด์ ไมโคร"เผยแนวโน้มอีคอมเมิร์ซโตต่อเนื่อง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2551 10:09 น.
"เทรนด์ ไมโคร" ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เปิดตัวโซลูชันใหม่เทรนด์ ไมโคร วอร์รี่ ฟรี ซิเคียวไซต์ โซลูชันที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัย ด้วยประสิทธิภาพของเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ภายในเว็บไซต์ของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ขนาดเล็ก
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และความสะดวกสบายในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ รวมถึงราคาสินค้าถูกลง เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากรายงานสรุปของกระทรวงพาณิชย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่ายอดขายรวมของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 136.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 19.0 %จากปี 2549
นายรัฐสิริ ไข่แก้ว ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยมีรายงานสรุปล่าสุดเกี่ยวกับการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2549 พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์ทั้งประเทศไทยรวมประมาณ 305,159 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี
ในปัจจุบันการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภคจำนวนมาก และผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการการรับรองจากบุคคลที่สามเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์นั้นๆ เป็นเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายและปลอดภัยก่อนที่จะติดต่อซื้อขายด้วย ซึ่งผู้ค้าออนไลน์ที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่สามารถที่จะลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูง และสร้างแบรนด์ทางการตลาดอย่างต่อเนื่องได้ ในขณะที่ผู้ค้าออนไลน์ขนาดเล็กจะใช้เทคโนโลยีแบบเดิมๆ ซึ่งทำให้เว็บไซต์ถูกโจมตีจากภัยคุกคามบ่อยครั้ง
เทรนด์ ไมโคร มองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ จึงได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับธุรกิจค้าปลีกออนไลน์โดยเฉพาะ ซึ่งเทรนด์ ไมโคร ถือเป็นผู้นำรายแรกในตลาดที่นำเสนอโซลูชันนี้ให้แก่ลูกค้า “เทรนด์ ไมโคร วอร์รี่ ฟรี ซิเคียวไซต์” เป็นโซลูชันรักษาความปลอดภัยสำหรับเว็บโฮสติ้ง ที่ใช้เทคโนโลยีการสร้างรหัสลับ SSL และยังช่วยปกป้องข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ด้วยการสแกนเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์เพื่อป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามบนเว็บ ตัวอย่างเช่น SecureSite จะตรวจสอบการโจมตีของภัยคุกคาม ซึ่งรวมถึง SQL, XPath, cross-site scripting (XSS), การรั่วไหลของข้อมูล, บ็อต รวมทั้งภัยคุกคามอื่นๆ ซึ่งอาจจะทำให้ข้อมูลบนเว็บไซต์เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มการทำงานอื่นๆเข้าไป
หากพบภัยคุกคามระว่างการสแกนเว็บไซต์ โซลูชันของเทรนด์ ไมโครจะช่วยปกป้องผู้บริโภคหรือลูกค้าที่กำลังใช้บริการเว็บไซต์นั้นทันที นอกจากนี้บริษัทคู่ค้าของเทรนด์ไมโครซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบ แก้ไข และจัดการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าอย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากที่เว็บไซต์ได้รับการสแกนและใช้งานได้ เว็บไซต์นั้นๆ จะได้รับการรับรองด้วยเครื่องหมาย “เทรนด์ ไมโคร ซิเคียวไซต์” ทำให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์นั้นปลอดภัย และเว็บไซต์ที่ได้รับการรับรองนี้จะถูกตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเทรนด์ ไมโครทั่วโลก จะช่วยกันสนับสนุนการขยายเครือข่ายบริษัทคู่ค้า ที่มีความเชี่ยวชาญให้เพิ่มมากขึ้น และให้การรับรองด้วยเครื่องหมายรับรอง “เทรนด์ ไมโคร ซิเคียวไซต์” ซึ่งจะทำให้ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ขนาดเล็กเพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการซื้อสินค้าให้แก่ผู้บริโภคหรือลูกค้าได้
สิ่งสำคัญที่สุด และยากที่สุดสำหรับธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ขนาดเล็กคือ การทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์รู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ ถ้าผู้บริโภคหรือลูกค้าเห็นเครื่องหมายรับรอง “เทรนด์ ไมโคร ซิเคียวไซต์” บนเว็บไซต์นั้นๆ ก็จะทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้นว่าข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ จะถูกปกป้อง และถ้าลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้นก็จะส่งผลให้ยอดขายในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
รายงาน:ปวริศา ธีระนังสุ
รหัสประจำตัว: 51063705
ไอซีทีรณรงค์ลดผลกระทบโลกร้อน
"ไอซีที"พร้อมหน่วยงานในสังกัดจัดสัมมนาและนิทรรศการเรื่อง ผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ วันที่ 21-25 ก.ค.นี้หวังจุดประกายผู้คนให้ตระหนักถึงภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์
นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งสร้างจิตสำนึกในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน กระทรวงไอซีทีและหน่วยงานในสังกัดทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง กรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จึงได้จัดสัมมนาและนิทรรศการ เรื่อง ผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้น ในระหว่างวันที่ 21-25 กรกฎาคม 2551 ที่ ชั้น 1 อาคาร บริษัท ทีโอทีโดยเปิดให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี
“กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์เพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน ที่ไอซีทีในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลข่าวสารด้านอุตุนิยมวิทยา และการเฝ้าระวังป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติรูปแบบต่างๆ จะต้องดำเนินการเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสภาพปัญหาภูมิอากาศโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในขณะนี้”
ด้านนายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนได้ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้หิมะขั้วโลกและบนยอดเขาสูงละลาย น้ำในทะเลจึงมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของพื้นดินกับพื้นน้ำ จึงทำให้เกิดฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งอุณหภูมิในน้ำทะเลจะอยู่ในระดับ 20-27 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิเหมาะสมที่จะเกิดพายุที่มีขนาดรุนแรงรวมทั้งมีความถี่เพิ่มขึ้น และการเกิดพายุแต่ละครั้งหรือการเปลี่ยนฤดูกาลจะก่อให้เกิดคลื่นลมในทะเลโดยเฉพาะคลื่นพายุซัดฝั่ง จึงทำให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลได้รับผลกระทบ
ภาวะโลกร้อนจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาท เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ก่อให้เกิดภัยพิบัติจากน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่มได้ โดยเฉพาะในปีนี้ทางภาคเหนือควรจะต้องเฝ้าระวังในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกต้องเฝ้าระวังในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม ขณะที่ภาคใต้ต้องระมัดระวังตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือจะต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดี มีระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่ดี มีการบูรณาการเรื่องการทำงานร่วมกัน ทั้งการให้ความรู้แก่ประชาชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการซักซ้อมและการเตรียมการอพยพ
งานสัมมนาและนิทรรศการครั้งนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการจัดสัมมนาระหว่างวันที่ 21 - 22 กรกฎาคม 2551 ในหัวข้อ ความห่วงใยของในหลวงเกี่ยวกับการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี และหัวข้อผลกระทบภาวะโลกร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนที่สองเป็นการแสดงนิทรรศการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 โซน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความรู้ความเข้าใจ ผลกระทบที่เกิดขึ้น การเตรียมการรับมือ รวมทั้งการจำลองเหตุการณ์ภัยพิบัติ และอื่นๆ
รายงานโดย ดารณี โต๊ะสวัสดิสุข
ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เด็กสวนกุหลาบสร้างชื่อก้องโลก คว้ารางวัลใหญ่โอเพ่นซอร์สกูเกิล
*****************************
ข่าวจาก "กูเกิล" เว็บไซต์อันดับต้นในตลาดออนไลน์ทั่วโลก ระบุว่า นายวรภัทร บุญญฤทธิพงษ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สร้างชื่อให้ประเทศไทยในฐานะนักเรียนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลใหญ่จากการแข่งขัน เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบเปิดของกูเกิล (Google Highly Open Participation-GHOP)
การแข่งขัน GHOP ได้รับความร่วมมือจากองค์กรที่ดูแลเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบเปิด จำนวน 10 แห่ง โดยองค์กรแต่ละแห่งจะเป็นผู้กำหนดลักษณะงานต่างๆ เพื่อให้นักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันได้ปฏิบัติตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานที่แต่ละโครงการโอเพนซอร์สต้องการความช่วยเหลือ ตั้งแต่การแก้ไขปัญหา เขียนเอกสารอธิบายการใช้งาน ไปจนถึงการทำวิจัยเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ เป็นต้น
การแข่งขันครั้งนี้ มีนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการราว 400 คน พร้อมที่ปรึกษาอีกกว่า 100 คนจากทั่วโลก ที่มาร่วมปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายงานเกือบ 1,000 รายการ เพื่อปรับปรุงซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในหลายด้าน เช่น การปรับปรุงโค้ดโปรแกรม การปรับปรุงเอกสารและสื่อสำหรับการอบรม รวมไปถึงการวิจัยด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ ให้แก่องค์กรโอเพนซอร์สที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 10 แห่ง
วรภัทรได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันประเภทระบบบริหารจัดการหลักสูตรของ Moodle ซึ่งประกาศผลไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.51 ทั้งนี้ Moodle ถือเป็นซอฟต์แวร์ระบบจัดการหลักสูตรแบบโอเพนซอร์สที่ออกแบบมา เพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาการศึกษาใช้สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์ได้
วรภัทรจะได้รับรางวัลเงินสด 200 ดอลลาร์สหรัฐ และได้รับเชิญพร้อมผู้ปกครองเดินทางไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของกูเกิลที่เมาเทนวิว มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเวลา 5 วัน
**************************
Credit : News Online : ไทยโพส
http://www.arip.co.th
รายงานข่าวโดย : นางสาวอารยา เลาหะพันธ์ Edtech15 Code: 51063709
กูเกิลสุดเซ็ง...
กูเกิลสุดเซ็งกำไรพุ่งแต่หุ้นร่วง...(ขนาดนี้ยังเซ็ง)
กูเกิลสุดเซ็งกำไรไตรมาสเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2551 เพิ่มแต่ตะกายไม่ถึงเป้าที่นักวิเคราะห์ตั้งไว้ บวกกับพิษเศรษฐกิจส่งให้หุ้นร่วงลงมากกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ ตอกย้ำหนทางแสนขรุขระที่กูเกิลต้องฝ่าไปท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองในสหรัฐฯและยุโรปหลายส่วน
และแม้กูเกิลจะระบุว่า หากไม่หักค่าใช้จ่ายเรื่องหุ้นปันผลพนักงาน มูลค่ากำไรจะอยู่ที่ 4.63 เหรียญต่อหุ้น แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่ถึงเป้าหมาย 4.74 เหรียญต่อหุ้นที่นักวิเคราะห์จาก Thomson Financial คาดการณ์ว่ากูเกิลควรทำได้
รายรับรวมของกูเกิลมีอัตราเติบโตเหนือกว่ากำไร ตลอดไตรมาสกูเกิลสามารถทำเงินได้มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 39 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5.37 พันล้านเหรียญ จากเดิม 3.87 พันล้านเหรียญ
เช่นเดียวกับไตรมาสที่แล้ว รายได้จากตลาดต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้รวมกูเกิล มูลค่ารายได้นอกสหรัฐฯในไตรมาสนี้ของกูเกิลอยู่ที่ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอง
ไม่มีรายงานว่ากูเกิลประเมินผลประกอบการไตรมาสหน้าไว้อย่างไร โดยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมากูเกิลว่าจ้างพนักงานเพิ่มราว 448 คน ถือเป็นไตรมาสที่กูเกิลจ้างพนักงานเพิ่มน้อยลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่มีการประมาณว่ากูเกิลมักว่าจ้างพนักงานใหม่ราว 1,200 คนต่อไตรมาส แต่ก็ยังไม่สามารถทุบสถิติไตรมาสสี่ปี 2004 ที่กูเกิลจ้างพนักงานเพิ่มเพียง 353 คนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ กูเกิลมีพนักงานทั้งสิ้น 19,604 คนแล้ว
บทความโดย
: นายฉัตรพันธ์ นิลกำแหง
: Edtech.15
http://www.manager.co.th/cyberbiz
แสดงความคิดเห็น