วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

News card posting for 26/07

7 ความคิดเห็น:

yosongkhla กล่าวว่า...

กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--โปรเฟสชันแนล มีเดีย บิสซิเนส
นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการบริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2551 นี้ อัสซุสพร้อมเร่งเจาะตลาดผลิตภัณฑ์ ASUS Wireless Network ด้วยการนำเสนอจุดเด่นฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายและแตกต่างจากที่วางจำหน่ายทั่วไปอยู่ในตลาดขณะนี้ ด้วยประสิทธิภาพและคุณสมบัติการทำงานอัสซุส ไวส์เลส เน็ตเวิร์คจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค ทำให้มั่นใจว่ายอดขายผลิตภัณฑ์ Wireless Network ในปีนี้สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 250 % โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ปี 2550 ที่มียอดขายอยู่ที่ 5,000 เครื่อง อัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 125 % คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้อัสซุสได้วางเป้าหมายทางการตลาดว่าภายใน 5 ปีจะเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด Wireless Network ของประเทศไทย
“จริงๆ แล้ว ผลิตภัณฑ์ ASUS Wireless Network มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่ค่อยมีการทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้สู่ตลาดในไทยมากนัก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ อัสซุส วางแผนที่จะขยายตลาดอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย เพื่อเสริมให้อัสซุสมีส่วนแบ่งตลาดครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ซึ่ง ASUS Wireless Network คืออีกโจทย์หนึ่งที่อัสซุสได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี โดยมั่นใจว่าด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าและการดีไซน์ จะเป็นจุดเด่นที่ผู้ใช้เจาะจงเลือกซื้อ ASUS Wireless Network” นายพรเทพ กล่าว
สำหรับ ASUS Wireless Network ได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีภายใต้ลิขสิทธิ์บริษัทอัสซุสเทค ประเทศไต้หวัน โดยเน้นที่ฟีเจอร์การใช้งานที่ให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าได้ตรงตามความต้องการในการใช้งานได้ยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังถือเป็นผู้นำกระแสเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะความสามารถในการดาวน์โหลดข้อมูลได้โดยไม่ต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ (Download Master) เป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงการทำงานแบบไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต การสั่งงาน Print Server การทำ FTP Server และระบบกันสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในเครื่องเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมี Bandwidth on demand (Gaming blaster) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม รวมไปถึง VOIP/Voice Steaming สำหรับการใช้งาน YouTube Skype Peer to Peer อีกด้วย
ด้านนายธีรวุฒิ โรจนะมารีวงศ์ Assistant Account Management บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตลาด ASUS Wireless Network เราได้จัดแบ่งกลุ่มของผลิตภัณฑ์ออกตามรูปแบบการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกต่อการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มผู้ใช้ Home Entertainment Set จะเป็นกลุ่มรองรับกับผู้ใช้งานทั่วไป และผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม ได้แก่ รุ่น WLAM604g WL500gPV2 WLBT21 AX112W
ในขณะที่ กลุ่ม SME Set จะเป็นรุ่น WL600g WL700gE GigaX1024X กลุ่ม Large Corporate ได้แก่ รุ่น RX3141 GigaX2124 และ GigaX3112F ซึ่งเรามองว่าทุกภาคธุรกิจจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่จะพัฒนาในหลายๆ ส่วนด้วยกัน และการพัฒนาระบบเครือข่ายไอทีแบบครบวงจร เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเกิดจุดคุ้มทุนยิ่งขึ้น โดย ASUS Wireless Network จะช่วยอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ลดขั้นตอนและร่นระยะเวลาการทำงาน ที่สำคัญคือสามารถประหยัดพลังงานค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย”
นายธีรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบัน ASUS Wireless Network ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีมากกว่า 10 รุ่น และมีหลายราคาให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความเหมาะสม โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 440 บาท ไปจนถึงราคาสูงสุดที่ประมาณ 35,000 บาท และเร็วๆ นี้ กำลังจะนำ ASUS Wireless Network รุ่นล่าสุด ได้แก่ รุ่น RT-N15 ออกมาจำหน่ายในท้องตลาด โดยเราตั้งเป้าว่าอีกประมาณ 5 เดือนต่อจากนี้ จะเพิ่มยอดจำหน่ายได้ประมาณ 2,500 เครื่องต่อเดือน
ทั้งนี้ ASUS Wireless Network มีหลายรุ่นให้เลือกใช้งาน อาทิเช่น WL500W WL520gU WL600g WL700gE เป็นต้น พบกับ ASUS Wireless Network รุ่นต่าง ๆ ได้แล้วตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
เกี่ยวกับอัสซุส
อัสซุสเป็นบริษัทชั้นนำในยุคดิจิตอลใหม่ ด้วยพนักงานและทีมงานเพื่อพัฒนาวิจัย และออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับเวิลด์คลาส มากกว่า 8,000 คน และผลประกอบการในปี พ.ศ. 2550 กว่า 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ อัสซุสได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารบิสิเนส วีค ให้เป็น1 ใน 100 บริษัทไอทีระดับโลก เป็นเวลา 11 ปีติดต่อกัน และจากการจัดอันดับของ วอลล์ สตรีท เจอนัล ให้เป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุดเป็นอันดับ 1 ในไต้หวัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: ศูนย์บริการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์: 02-679-8367-70 โทรสาร 02-679-8371 หรือ www.ASUS.co.th
หรือ ทีมประชาสัมพันธ์อัสซุส: บริษัท โปรเฟสชันแนล มีเดีย บิสซิเนส จำกัด:

pavarisa กล่าวว่า...

DSI เตือน คนใช้ไวร์เลส-บลูทูธระวังถูกแฮก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2551 10:18 น.

พ.ต.ท.พัฒนะ ศุกรสุต

สำนักคดีเทคโนฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษเตือนประชาชนคนใช้ไวร์เลส - บลูทูธ ให้ระวังโจรขโมยข้อมูลส่วนตัว เผยย่านธุรกิจห้างสรรพสินค้า มีความเสี่ยงสูง แนะนำปลอดภัยที่สุดถ้าไม่ทำธุรกรรมทางการเงินในที่สาธารณะ

พ.ต.ท.พัฒนะ ศุกรสุต พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 8 สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังและติดตามพัฒนาการหลอกลวงของผู้กระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ ประกอบกับสถานการณ์ที่คนไทยปัจจุบันต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีไร้สายอย่างโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ใช้กันอย่างแพร่หลาย พบว่าเทคโนโลยีไร้สายกำลังเป็นช่องทางให้ผู้กระทำความผิดใช้หลอกลวงผู้เสียหาย

“มันเกิดการกระทำความผิดที่เคลื่อนที่ได้ แล้วการเคลื่อนที่ของมันก็เป็นแบบไร้ทิศทาง อย่างสัญญาณไวร์เลส ซึ่งเป็นสัญญาณวิทยุปัจจุบันสามารถส่งสัญญาณออกไปเป็นรัศมีวงกลมได้ระยะทางประมาณ 100 เมตร หากมีผู้กระทำความผิดเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถหาจุดศูนย์กลางได้ว่าอยู่ ณ จุดใด เพราะไวร์เลสเป็นเหมือนสัญญาณวิทยุ มีรัศมีเป็นวงกลม" พ.ต.ท.พัฒนะ กล่าว

พ.ต.ท.พัฒนะ กล่าวว่าปัจจุบันเริ่มมีประชาชนใช้โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต หรือใช้สัญญาณไวร์เลสในการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งที่บ้านและในที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นการเปิดช่องทางให้ผู้กระทำความผิดก่อเหตุได้ง่ายขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการโจรกรรมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า “แฮกเกอร์” แม้จะกระทำผ่านคอมพิวเตอร์บ้านไม่ใช่แบบไร้สาย การติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีก็ยังเป็นเรื่องยาก แต่การใช้ระบบอินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย นอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้กระทำความผิดก่อเหตุโดยง่ายแล้วยังทำให้การติดตามตัวผู้กระทำความผิด เป็นไปด้วยความยากลำบากขึ้นอีกด้วย

"ยิ่งล่าสุดผู้ผลิตได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นไปเรื่อยๆ มีไวร์แม็กที่สามารถส่งสัญญาณได้ไกลกว่าคือ 30-50 กิโลเมตร แถมยังมีตัวเพิ่มสัญญาณได้อีก ดังนั้นการใช้เทคโนโลยี มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ความสามารถในการส่งสัญญาณได้ไกลนี้ เป็นโอกาสของผู้กระทำความผิดที่จะดักขโมยข้อมูลของเราได้จุดไหนก็ได้ โดยที่เราล่วงรู้ได้ยากมากและกว่าจะรู้ตัวข้อมูลของเราก็ไปปรากฏอยู่กับผู้อื่น หรือไม่ก็ตกเป็นผู้เสียหายจากการโจรกรรมไปแล้ว”

พ.ต.ท.พัฒนะ กล่าวด้วยว่า ไม่เพียงแต่ระบบไวร์เลสเท่านั้น โทรศัพท์มือถือซึ่งปัจจุบันผู้ขับขี่รถบนท้องถนนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้สมอลทอล์กหรือบลูทูธ พ.ต.ท.พัฒนะ กล่าวว่าผู้ใช้บลูทูธอาจเสี่ยงกับการถูกขโมยข้อมูลลับที่อยู่ในโทรศัพท์ โดยไม่รู้ตัว และที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่านั้นหากมีการทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารผ่านโทรศัพท์ ซึ่งทำได้ทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือ ก็อาจถูกกล่าวมิจฉาชีพใช้เครื่องมือดักจับสัญญาณการสนทนาระหว่างลูกค้ากับเจ้าหน้าที่ธนาคารบางครั้งอาจปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหลอกถามข้อมูลสำคัญ และรหัสผ่านต่างๆ อย่างมืออาชีพโดยที่ลูกค้าไม่ระแวงสงสัย

“ยิ่งเป็นการสนทนาผ่านบลูทูธ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผู้กระทำความผิดดักจับสัญญาณบลูทูธซึ่งเปิดอยู่ตลอดเวลาได้ง่ายขึ้น โดยแฮกเกอร์จะใช้ย่านธุรกิจหรือห้างสรรพสินค้าที่มีคนพลุกพล่านเป็นที่ลงมือ โดยใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน มุ่งเป้าประชาชนที่เปิดบลูทูธไว้ โดยที่แฮกเกอร์จะมีโปรแกรมและเครื่องมือพิเศษที่สามารถสแกนหาสัญญาณบลูทูธในรัศมีที่ปัจจุบันไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น หากพบสัญญาณ โปรแกรมดังกล่าวจะโชว์หมายเลขโทรศัพท์และชื่อของเจ้าของเครื่องนั้นๆ"

พ.ต.ท.พัฒนะอธิบายว่าแฮกเกอร์จะทดลองเจาะเข้าไปทีละเครื่องโดยการส่ง SMS ด้วยข้อความล่อลวงต่างๆ เพียงเพื่อให้ประชาชนกดปุ่มใดปุ่มหนึ่งบนโทรศัพท์ และไม่ว่าจะเลือกกดปุ่มใดแฮกเกอร์ก็สามารถทำให้เป็นการตอบตกลงตามข้อเสนอ ผลที่ออกมาก็เหมือนเป็นการยืนยันการต่อสัญญาณให้แฮกเกอร์ หลังจากนั้นมันก็จะขโมยข้อมูลทั้งหมด และอาจมุ่งเป้าไปที่การทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์

"หากมันทำสำเร็จนั่นหมายความว่าทรัพย์ที่มันจะได้จากการโจรกรรมจะมีมูลค่ามหาศาลทีเดียว"

ดังนั้น ดีเอสไอจึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการใช้ระบบสื่อสารไร้สายในเรื่องการใช้ไวร์เลสและบลูทูธ ว่าไม่ควรเชื่อมต่อกับระบบไวร์เลสกับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊กที่มีข้อมูลสำคัญๆ หากจะเก็บข้อมูลสำคัญควรเก็บไว้ในที่ซึ่งแฮกเกอร์เข้าถึงยาก เช่น แฟลชไดร์ เอ็กเทอร์นอลฮาร์ดดิสก์ ซีดี และควรเข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญๆ เป็นต้น

"ยิ่งนำไปใช้ในที่สาธารณะควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนกรณีของผู้ที่จำเป็นต้องใช้บลูทูธ แนะนำว่าไม่ควรเก็บข้อมูลที่สำคัญหรือเป็นความลับไว้ในโทรศัพท์ เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้บูลทูธก็ให้ปิดสัญญาณ และหากมีความจำเป็นต้องทำธุรกรรมการเงินกับธนาคาร ก็ไม่ควรจะใช้ในที่สาธารณะก็จะปลอดภัยที่สุด"

โดย : ปวริศา ธีระนังสุ
รหัสประจำตัว: 51063705

araya15 กล่าวว่า...

ไมโครซอฟท์ยันเลิกขาย"เอ็กซ์พี" อยากใช้ของเดิมต้องซื้อวิสต้าก่อน

โดย NOL-News Online : มติชน

******************

เอพีรายงานว่า ไมโครซอฟท์ คอร์ป. ยืนกรานที่จะเลิกจำหน่ายระบบปฏิบัติการ "วินโดว์ เอ็กซ์พี" ให้กับผู้ค้ารายย่อยและผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ตามกำหนดเดิมแม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ไม่ต้องการจะถูกบังคับให้เปลี่ยนจากระบบปฏิบัติการวินโดว์ เอ็กซ์พีไปเป็นวิสต้าที่จะมาทดแทน
ทั้งนี้ ทันทีที่คอมพิวเตอร์ซึ่งบรรจุเอ็กซ์พีถูกเคลียร์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดยเดลล์และฮิวเลตต์ แพ็คการ์ด ผู้บริโภคที่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเอ็กซ์พี จะต้องซื้อวิสต้า อัลติเมท หรือวิสต้า บิสซิเนส จากนั้นจึงจะได้รับการลดเกรดอย่างถูกกฎหมายไปเป็นระบบปฏิบัติการเอ็กซ์พี
รายงานเปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์จะยังอนุญาตให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายเล็ก ซื้อเอ็กซ์พีเพื่อนำไปจำหน่ายต่อไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ขณะเดียวกันในสัปดาห์ที่แล้วไมโครซอฟท์ได้ยินยอมที่จะยืดเวลาให้การช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการเอ็กซ์พีไปจนถึง ค.ศ.2014 จากเดิม ค.ศ.2009
******************
Credit : News Online : ไทยโพส
http://www.arip.co.th

รายงานข่าวโดย : นางสาวอารยา เลาหะพันธ์ Edtech15 Code: 51063709

chanokporn กล่าวว่า...

1 การ์ดจอ 3 ชิปกราฟิก ตัวแรกของโลก! Asus Trinity Tri-GPU กาาร์ดจอตัวแรกของโลกที่ได้รวมเอาชิปกราฟิก 3 ตัว ไว้บนแผงวงจรเดียวกัน ซึ่งเป็นการนำเอาชิปกราฟิก ATI HD 3850 จำนวน 3 ตัว มาทำงานแบบ CrossFire กันเสร็จสับบนการ์ดตัวเดียว และเนื่องจากตัวมันเองต้องใช้ชุดระบายความร้อนเดียวกันทั้ง 3 ชิป จึงทำให้ความร้อนที่ออกมานั้นสูงมากจนต้่องหันไปพึ่งระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเข้าลูบเพื่อจะให้ตัวการ์ดทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้การ์ดจอรุ่นดังกล่าวคาดว่าอาจจะไม่ทำออกมาจำหน่ายจริงเพราะด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของการ์ดแล้วยากที่จะทำออกมาขายจริงๆ จังๆ (แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเขาบ้าพอ หุหุ) ไม่ว่าจะชุดระบายความร้อนที่เกะกะ และตัวการ์ดเองด้วยที่มีขนาดใหญ่มากที่สำคัญชิปกราฟิกที่นำมาใช้งานนั้นก็กำลังจะหายไปจากตลาดในเวลาอันใกล้นี้แล้วด้วยครับ (ตกรุ่น)
ข่าวจาก : www.arip.co.th
ชนกพร บุญศาสตร์ รายงาน

RedAngel กล่าวว่า...

ITM Power Launches Hydrogen Home Refueller

A British company has unveiled a hydrogen refuelling station and a hydrogen-powered car which could revolutionise commuting while cutting fuel costs and CO2 emissions.

The conventional petrol-engined Ford Focus, which has completed successful urban commuting trials, has been converted to run on hydrogen, which burns without emitting CO2, and could ultimately reduce drivers’ dependence on fossil fuels.

The company involved, ITM Power Plc, has also revealed a hydrogen home refuelling station, capable of producing the gas from water and electricity, which it says could ultimately offer drivers an alternative to conventional fuels and provide a new power source for homes and businesses. The station overcomes one of the fundamental stumbling blocks to a hydrogen economy – the lack of hydrogen refuelling infrastructure and utility supply network.

It has taken scientists and chemists at the company’s Sheffield research base, currently Europe’s largest electrolyser and fuel cell development centre, eight years to create a low-cost means of manufacturing hydrogen. Its patented electrolyser-based refuelling station uses a unique low-cost polymer which dispenses with the need for expensive platinum and can be manufactured at 1 per cent of the cost of traditional membrane materials.

The result is a hydrogen production system, small enough to be used in a home or business, which can generate the gas from a supply of water and off-peak or renewable electricity – power created by wind, wave, solar or nuclear energy. The stored hydrogen could then be used to fuel converted cars or provide power for domestic or commercial purposes.

The Ford Focus was chosen by ITM Power because it is one of Europe’s top-selling models. In its converted form, it is effectively a bi-fuel vehicle, capable of being switched back to petrol if the hydrogen supply is exhausted. The demonstration vehicle can travel 25 miles on a single recharge of hydrogen from the refuelling station, allowing it to complete most average commuter journeys without the need for the back-up petrol supply. If the hydrogen is compressed the range can be extended to 100 miles.

Although the initial demonstration vehicle is a car, vans and trucks will also be able to be to use the new fuel system to give commercial vehicle operators huge potential cost savings on delivery journeys, as well as further reducing CO2 emissions.

ITM Power says further research and current engine and fuel-saving developments could well double the car’s range and the shape of the standard pressurised hydrogen tank fitted to the demonstration vehicle could be engineered to maximise space.

The home refuelling station, test production of which is already underway at ITM Power’s Sheffield Factory, underlines the potential for the generation of hydrogen both at home and in the workplace. The company has already established a showcase ‘hydrogen apartment’ at its Sheffield facility where hydrogen gas is used for heating, cooking and to operate a fridge, while a hydrogen internal combustion generator converts the gas back into electricity to provide power for general lighting and to operate a television, computer and DVD player


ผู้ดีทำปั๊มไฮโดรเจนในบ้าน

"ไอทีเอ็ม เพาเวอร์" บริษัทสัญชาติอังกฤษ กำลังประดิษฐ์ปั๊มน้ำมันในบ้าน โดยปั๊มนี้จะผลิตไฮโดรเจนเพียงพอสำหรับกระแสไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน รวมทั้งรถยนต์ คาดว่าจะวางตลาดได้ภายใน 2 ปี

ปั๊มไฮโดรเจนในบ้าน นับว่าเป็นก้าวใหม่ของวงการคมนาคม ที่ช่วยให้ประชาชนลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แถมยังนำมาใช้ง่ายๆ ส่วนข้อดีอีกข้อหนึ่งคือ พลังงานนี้ยังไม่ผลิตก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจก

"ไอทีเอ็ม เพาเวอร์" เปิดเผยว่า โครงการปั๊มไฮโดรเจน เกิดขึ้นจากการนำนักวิทยาศาสตร์และนักเคมีมาช่วยกันคิดหาทางผลิตปั๊มในบ้าน ที่ศูนย์วิจัยเชฟฟีลด์ โดยใช้เวลาคิดค้นนานถึง 8 ปี คาดว่าไฮโดรเจน 1 ลิตรจะมีราคาเท่ากับราคาน้ำมันไร้สารตะกั่วเพียงครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ บริษัทยังโชว์รถยนต์ฟอร์ด รุ่นโฟกัส ซึ่งเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฮโดรเจนด้วย


ณศิริ รายงาน
http://www.fuelcelltoday.com/online/news/articles/2008-07/ITM-Power-Launches-Hydrogen-Home

chatphan กล่าวว่า...

เมาส์แสงอาทิตย์.ไอเดียเจ๋ง
ถือว่าช่วยกันคนละไม้ละมือแล้วนะครับ…กับการแก้ปัญหาโลกร้อนที่เราคนรักไอทีซึ่งเป็นตัวจักรหนึ่งที่ทำให้โลกร้อน จากการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากกว่าใครๆ…ถ้าเราจะช่วยอะไรได้ก็ควรจะช่วยกันครับ ยกตัวอย่างเช่น ในข่าวนี้ที่คนญี่ปุ่นเขาได้ทำคีย์บอร์ดที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ออกมาจำหน่ายโดยมันเป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่ตามปกติแล้วจะใช้แบตเตอร์รี่ AA จำนวน 2 ก้อน แต่เขาพัฒนาให้มันมาใช้แสงอาทิตย์แทนเพื่อจะได้ช่วยลดการใช้แบตเตอร์รี่ที่กำจัดได้ยุ่งยากและยังเป็นปัญหาขยะมีพิษอีกด้วยครับ

คีย์บอร์ดรุ่นนี้มีชื่อรุ่นว่า “BSKBW01SB” มีแผงรับแสงที่มุมด้านขวา



ขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าปกติเล็กน้อยเพราะมีแผงรับแสงอาทิตย์เพิ่มเข้ามา

ท่านใดสนใจก็สั่งซื้อมาเล่นได้ครับราคาประมาณ 3,500 บาท

คีย์บอร์ดรุ่นนี้ใช้เคลื่อนความถี่ 2.4 GHz ในการรับส่งสัญญาณระหว่างตัวมันเองกับภาครับสัญญาณ มีระยะทำงานในช่วง 10 เมตร ซึ่งก้ถือว่าไกลมากที่เดียวครับ.

ผู้รายงาน:ฉัตรพันธ์ นิลกำแหง - edtect.15
แหล่งข้อมูล : http://www.bcoms.net/news/detail.asp?id=8587
ข้อมูลเพิ่มเติม : watch.impress.co.jp

daranee กล่าวว่า...

เอชพี แนะโซลูชั่นซอฟต์แวร์
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆนี้ ภายในงาน HP Software BTO Tour 2008 เอชพีได้เปิดเผยผลการสำรวจจาก Economist Intelligence Unit (EIU) ว่าเกือบร้อยละ 80 ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเชื่อว่าความเสี่ยงทางไอทีจะเพิ่มขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า และปัญหาดาวน์ไทม์ทางธุรกิจประมาณครึ่งหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านไอที เพื่อเสริมความพร้อมให้องค์กรธุรกิจในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง เอชพีจึงเปิดตัวโซลูชั่นซอฟต์แวร์ Business Technology Optimization (BTO) ต่างๆ ได้แก่ โซลูชั่น Change Lifecycle Management, โซลูชั่น Business Availability Center 7.5 และโซลูชั่น Configuration Management System พร้อมทั้งแนะนำซอฟต์แวร์ในรูปแบบของการบริการ หรือ Software-as-a-Service ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจจัดการความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนแก้ปัญหาต่างๆ ด้านการบริการและแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจได้อย่างอัตโนมัติและสามารถทราบปัญหาล่วงหน้าเพื่อพร้อมรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวจาก : ไทยรัฐ
รายงาน ดารณี โต๊ะสวัสดิสุข